"...การเดินหมากเกมนี้อาจเรียกได้เป็น ‘ไพ่ตายสุดท้าย’ ของ ‘พี่น้อง 3 ป.’ ที่หน้าฉากเหมือนจะทะเลาะกันในทางการเมือง แต่เบื้องหลังยัง ‘แน่นแฟ้น’ ด้วยสายสัมพันธ์ทางทหารยาวนานกว่า 40 ปี..."
อาศัยวัน “ราชาฤกษ์” 9 ม.ค. 2566 "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดตัวร่วมทัพพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยทั้งหมดผ่านการคำนวณฤกษ์ยามมาแล้วจาก ‘ซินแสชื่อดัง’ ที่ ‘บิ๊กตู่’ เคารพนับถือมานาน
โดย ‘ซินแส’ รายนี้เคยทำนายว่า ‘ประยุทธ์’ จะกลับมาเป็นนายกฯอีกสมัย ทำให้เจ้าตัวหมายมั่นปั้นมือหวังกลับมานั่งเก้าอี้เบอร์ 1 ตึกไทยคู่ฟ้าอีกครั้งให้ได้
ท่ามกลางฉากหน้าแยกกันสร้างดาวคนละดวงระหว่างพี่น้อง 2 ป. คือ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับ ‘บิ๊กตู่’ ที่โยกย้ายองคาพยพ-คนใกล้ชิดไปปักหลัก รทสช.
แม้กูรูการเมืองหลายฝ่าย วิเคราะห์-ประเมินว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะใช้ ‘สูตรหาร 100-บัตร 2 ใบ’ อาจทำให้ ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่’ ไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะสูตรนี้เอื้อกับพรรคขนาดใหญ่อย่าง ‘เพื่อไทย’ มากกว่า ขณะที่ พปชร. เมื่อบางส่วนแตกออกมาแล้วย้ายไปอยู่กับ รทสช. ทั้ง 2 พรรคดังกล่าวจะกลายเป็น ‘พรรคขนาดกลาง’ เท่านั้น ยังไม่นับผู้สมัคร ส.ส.ระดับ ‘เกรดเอ’ ก็มีน้อยมาก เมื่อเทียบกับ ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’
แต่หลังฉากว่ากันว่า ‘ประยุทธ์’ และ ‘กุนซือ’ ประเมินไว้แล้ว โดยยกเอาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณี ‘นายกฯ 8 ปี’ เป็นตัวตั้ง โดยคำวินิจฉัยของศาล ระบุไว้ชัดเจนคือ เริ่มนับการดำรงตำแหน่งนายกฯ ในวันที่รัฐธรรมนูญขณะนั้นประกาศใช้ คือ รัฐธรรมนูญปี 2560 เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560
ดังนั้นการเดินหมากของ ‘ประยุทธ์’ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าคือ เบื้องต้นต้องทำให้ รทสช.มี ส.ส.อย่างน้อย 25 ที่นั่ง เพื่อเสนอชื่อตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ
พร้อม ๆ กับเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเป็นการตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างใหม่ อ้างว่าเพื่อความเป็นประชาธิปไตย และเข้าได้ทุกขั้วทุกฝ่าย แน่นอนว่าเรื่องนี้จะได้ความเห็นชอบจากหลายพรรค เพราะจะได้รื้อทิ้งมรดก คสช.
แต่เมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ จะเข้าเงื่อนไขคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทันทีที่ให้นับเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ในวันที่รัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้
ดังนั้นชนักปักหลัง 8 ปีของ ‘บิ๊กตู่’ ที่จะเป็นนายกฯได้อีกแค่ 2 ปีเศษจะถูกถอนออก และเริ่มนับใหม่อีกครั้ง หรือปลดล็อคที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 8 ปี ทำให้สูตรการจัดตั้งรัฐบาลจะเปลี่ยนไปทันที เพราะยังมีเงื่อนไข ส.ว.โหวตเลือกนายกฯได้อีก 1 สมัย
ว่ากันว่าหมากเกมนี้ถูกเซ็ตอัพขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเสียงต่อรองกับ ส.ว. ที่ปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน คือฝ่ายหนุน ‘พี่ใหญ่’ และฝ่ายหนุน ‘น้องเล็ก’
โดย ส.ว.ฝ่ายหนุน ‘พี่ใหญ่’ ถูกเดินเกมจาก ‘คีย์แมน’ มูลนิธิบ้านป่ารอยต่อฯ เพื่อหวังดัน ‘บิ๊กป้อม’ นั่งเก้าอี้นายกฯ โดยถูกเซ็ตไว้ตั้งแต่ช่วงปฏิบัติการ ‘ล้มนายกฯ’ ของ ‘ผู้กองคนดัง’ แล้ว แต่ตอนนั้น ‘ประวิตร’ ตัดสินใจนาทีสุดท้าย ‘ไม่ฆ่าน้อง’
ทว่าหากเกมที่ ‘ประยุทธ์-กุนซือ’ วางไว้ข้างต้นทำได้สำเร็จ จะทำให้ ส.ว.ฝ่ายหนุน ‘พี่ใหญ่’ บางส่วนออกอาการลังเล และอาจเทคะแนนมาช่วยโหวต ‘ประยุทธ์’ นั่งเก้าอี้นายกฯอีกสมัยก็เป็นไปได้
และเป็นไปได้ว่า ‘พี่ใหญ่’ อาจไฟเขียวกับ ‘สูตรนี้’ โดยร่วมมือกับ ‘น้องเล็ก’ เพื่ออยู่ทำ ‘ภารกิจพิเศษ’ ในอีก 4 ปีข้างหน้า
เมื่อกระชับฐานอำนาจทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้ ‘รีเซ็ต’ วาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ และรวมเสียง ส.ว.มาไว้ในกำมือแล้ว เท่ากับเป็นการ ‘ล็อคคอ’ นักเลือกตั้งทั้งหลายไม่ให้ ‘แตกแถว’ ต่อรองอะไรได้อีกมากนัก
ข้อเท็จจริงเหล่านี้บางส่วนสะท้อนมาจาก ‘พรรคขนาดกลาง’ หลายพรรคยังคงปิดปากเงียบ ไม่หลุดปากว่าจะสังฆกรรมรวมเสียงกับพรรคใดจัดตั้งรัฐบาล มีแค่ ‘พรรคเพื่อไทย’ ที่พูดแผ่นเสียงตกร่องทุกวันว่าจะ ‘แลนด์สไลด์’ รวมถึง ‘ก้าวไกล’ ที่ถูกโดดเดี่ยว ไม่มีพรรคไหนจะเอามาร่วมรัฐบาล
การเดินหมากเกมนี้อาจเรียกได้เป็น ‘ไพ่ตายสุดท้าย’ ของ ‘พี่น้อง 3 ป.’ ที่หน้าฉากเหมือนจะทะเลาะกันในทางการเมือง แต่เบื้องหลังยัง ‘แน่นแฟ้น’ ด้วยสายสัมพันธ์ทางทหารยาวนานกว่า 40 ปี
ส่วนยุทธวิธีนี้จะสำเร็จเห็นผลเป็นรูปธรรมได้หรือไม่ คงต้องจับตาดูกัน แต่ตัวแปรสำคัญของเรื่องนี้ มิใช่แค่การแก้รัฐธรรมนูญ หรือการโหวตของ ส.ว.เพียงอย่างเดียว
แต่เสียงของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งถัดไปต่างหาก ที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่ายังเอาด้วยกับ 3 ป.หรือพอแค่นี้