"...รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้มีอำนาจอนุมัติจัดซื้อในการจัดซื้อครั้งที่ 4 ครั้งที่ 9 ครั้งที่ 10 ครั้งที่ 12 ผู้บัญชาการทหารบก ผู้มีอำนาจอนุมัติจัดซื้อในการจัดซื้อครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 6 ครั้งที่ 7 ครั้งที่ 8 ครั้งที่ 11 ..มีหน้าที่ต้องตรวจสอบให้มีความชัดเจนว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถตรวจสารวัตถุระเบิดและสารเสพติดได้หรือไม่ ก่อนที่จะอนุมัติให้มีการสั่งซื้อแต่ไม่ได้ดำเนินการนั้น จึงปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถตรวจสารวัตถุระเบิดและสารเสพติดได้เพื่อให้พ้นความรับผิดไม่ได้..."
กรณี สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามขยายผลตรวจสอบข้อมูลอภิปรายไม่ไว้ใจวาง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด GT-200 ของ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.จังหวัดฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 ที่ผ่านมา
ในประเด็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มติชี้มูลความผิดทหารทั้ง 22 นาย ซึ่งทั้งหมดนั้นพบว่าเป็นทหารที่มียศน้อย แต่กลับชี้ความผิดไปไม่ถึงผู้มีส่วนสำคัญในการอนุมัติ ทั้งที่ GT-200 เกือบทั้งหมด ถูกอนุมัติสั่งซื้อโดย พล.อ.อนุพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ขณะนั้น ร่วมกับ พล.อ.ประวิตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมขณะนั้น
โดยนายจิรัฏฐ์ ตั้งข้อสังเกตว่า "การซื้อแต่ละครั้งว่า การซื้อครั้งที่ 3, 11 และ 12 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะ ผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้เซ็นอนุมัติซื้อด้วยตัวเอง การซื้อครั้งที่ 2, 3, 6, 7, 8 และ 11 ซึ่งเป็นวงเงินไม่เกิน 40 ล้านบาท อยู่ในอำนาจอนุมัติของ ผบ.ทบ. ก็พบว่ามีผู้ช่วย ผบ.ทบ. หรือ เสธ.ทบ. เป็นผู้เซ็นอนุมัติโดยรับคำสั่งจาก ผบ.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ โดยการสั่งซื้อครั้งที่ 11 พบว่า เสธ.ทบ. ผู้รับคำสั่งจาก ผบ.ทบ. ให้เซ็นอนุมัติซื้อ มีชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วน พล.อ.ประวิตร ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม มีลายเซ็นอนุมัติสั่งซื้อในครั้งที่ 9, 10 และ 12 ซึ่งมีวงเงินเกิน 50 ล้านบาท เอกสารนี้เป็นเอกสารในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้ง 12 สัญญา ซึ่ง ป.ป.ช. ถืออยู่มา 10 ปีแล้ว คำถามคือทำไมชื่อเหล่านี้หายไป”
นับจนถึงเวลานี้ สำนักข่าวอิศรา นำข้อเท็จจริงมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้วใน 2 ส่วนหลัก คือ
หนึ่ง.
คดีนี้ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา อัยการศาลทหารกรุงเทพ ยื่นฟ้องทหารจำนวน 22 คน ในข้อหาว่ากระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีที่กองทัพบกสั่งซื้อ GT-200 เป็นจำนวน 12 สัญญา ทั้งหมด 757 เครื่อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 682,600,000 บาท อัยการสูงสุด โดยอัยการศาลทหารกรุงเทพ เป็นผู้ฟ้องคดีแทน กระทรวงกลาโหม
ข้อกล่าวหาหลักในคดีนี้ คือ ไม่ได้มีการทดลองหรือตรวจสอบในทางเทคนิคหรือทางวิทยาศาสตร์ หรือเชิญผู้ชำนาญการหรือผู้ทรงคุณวุฒิ เกี่ยวกับพัสดุนั้นมาให้คำปรึกษา หรือส่งพัสดุนั้นไปทดลองหรือตรวจสอบ ณ สถานที่ของผู้ชำนาญการหรือผู้ทรงคุณวุฒินั้น ๆ ว่า เครื่องจีที 200 ดังกล่าว มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนตามที่ระบุไว้ในสัญญา เพื่อประกอบการพิจารณาตรวจรับพัสดุแต่อย่างใด เป็นเหตุให้เครื่องจีที 200 ดังกล่าว ไม่สามารถใช้งานได้จริง
ส่วนจำเลยทั้ง 22 ราย นั้น ในคำฟ้องระบุว่า ขณะกระทำผิด เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการ แยกเป็น พันเอก จำนวน 8 คน พันโท 8 คน พันตรี 2 คน และ ร้อยเอก 4 คน
สอง.
จากการตรวจสอบเอกสารข้อมูลประกอบการฟ้องร้องในคดีนี้เพิ่มเติม พบว่า คดีนี้ อัยการสำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีความเห็นแย้งผลการชี้มูลผู้ถูกกล่าวหาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีการไม่แจ้งข้อกล่าวหา กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ชี้มูลความผิดทางอาญา "พลโท" จำนวน 2 ราย อัยการสูงสุดจึงไม่มีอำนาจพิจารณาการกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว เอาไว้ในในสำนวนความเห็นและคำสั่งของอัยการไว้ด้วย
- เปิดคำฟ้องคดีจีทีฯ ไม่ถึง 3 ป.-ยื่นศาลทหารเอาผิด 'พ.อ.-พ.ท-พ.ต.-ร.อ.' 22 คน-ไร้ พลโท? (1)
- เปิดความเห็นอัยการคดีจีทีฯ ป.ป.ช.ไม่แจ้งข้อหา รมว.กห.-ผบ.ทบ เป็นการกระทำไม่ชอบด้วย กม. (2)
ปัจจุบันยังไม่การชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ในประเด็นที่ อัยการสำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีความเห็นแย้งผลการชี้มูลผู้ถูกกล่าวหาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีการไม่แจ้งข้อกล่าวหา กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น
โดยอัยการระบุความเห็นไว้ว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้มีอำนาจอนุมัติจัดซื้อในการจัดซื้อครั้งที่ 4 ครั้งที่ 9 ครั้งที่ 10 ครั้งที่ 12 ผู้บัญชาการทหารบก ผู้มีอำนาจอนุมัติจัดซื้อในการจัดซื้อครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 6 ครั้งที่ 7 ครั้งที่ 8 ครั้งที่ 11 ..มีหน้าที่ต้องตรวจสอบให้มีความชัดเจนว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถตรวจสารวัตถุระเบิดและสารเสพติดได้หรือไม่ ก่อนที่จะอนุมัติให้มีการสั่งซื้อแต่ไม่ได้ดำเนินการนั้น จึงปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถตรวจสารวัตถุระเบิดและสารเสพติดได้เพื่อให้พ้นความรับผิดไม่ได้"
"คดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่แจ้งข้อกล่าวหา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้มีอำนาจอนุมัติจัดซื้อในการจัดซื้อครั้งที่ 4 ครั้งที่ 9 ครั้งที่ 10 ครั้งที่ 12 ผู้บัญชาการทหารบก ผู้มีอำนาจอนุมัติจัดซื้อในการจัดซื้อครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 6 ครั้งที่ 7 ครั้งที่ 8 ครั้งที่ 11 อัยการสูงสุดจึงไม่มีอำนาจพิจารณาการกระทำความผิดของบุคคลดังกล่าวได้"
"อนึ่งการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่แจ้งข้อกล่าวหา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้มีอำนาจอนุมัติในการจัดซื้อมีหน้าที่ต้องตรวจสอบให้มีความชัดเจนว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถตรวจสารวัตถุระเบิดและสารเสพติดได้หรือไม่ แต่ไม่ได้ดำเนินการนั้น การไม่แจ้งข้อกล่าวหาเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย"
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบสำนวนความเห็นและคำสั่งฟ้องในคดีนี้ ของอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด พบว่ามีการระบุถึงรายละเอียดในสำนวนการไต่สวนคดีนี้ ของ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการอนุมัติจัดซื้อเครื่องจีที 200 ทั้งในส่วนของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก เอาไว้เป็นทางการ
แต่เนื่องจากข้อมูลส่วนนี้ มีเนื้อหาจำนวนมาก ในเบื้องต้นจะขอนำเสนอข้อมูลการอนุมัติจัดซื้อเครื่อจีที 200 ในส่วนของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จำนวน 4 ครั้ง คือ ครั้งที่ 4 ครั้งที่ 9 ครั้งที่ 10 ครั้งที่ 12 ก่อน
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
การจัดซื้อครั้งที่ 4
สำนวน ป.ป.ช. ระบุว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550 พลโท คำนวณ เธียรประมุข เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ได้ลงนามในบันทึกข้อความ ด่วนที่สุด สพ.ทบ. ที่ กห 0443/5768 ขออนุมัติแผนจัดหาเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธและวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) จำนวน 68 เครื่อง วงเงิน 61,200,000 บาท โดยใช้แบบรูปรายการประกอบแทนคุณลักษณะเฉพาะเป็นหลักในการจัดหา ถึงผู้บัญชาการกองทัพบก (ผ่านกรมส่งกำลังบำรุงทหารบก โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (๑) รับคำสั่ง) ได้ลงนามวันที่ 14 พฤศจิกายน 2550 อนุมัติแผนจัดหาตามที่เสนอตามบันทึกข้อความ กบ.ทบ. ด่วนมาก ที่ต่อ กห 0404/13932
ต่อมา พันเอก ภาณุ ป้านทอง หัวหน้ากลุ่มกองจัดหา กรมสรรพาวุธทหารบก จึงได้มีบันทึกข้อความ กจห.สพ.ทบ. ด่วนที่สุด ที่ต่อ กห 0443.9/1230, 22 พ.ย. 2550 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2550 ถึงเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก (ผ่านกองปลัดบัญชี กรมสรรพาวุธทหารบก, กองส่งกำลัง กรมสรรพาวุธทหารบก) เพื่อขออนุมัติหลักการซื้อเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธและวัตถุระเบิด(จีที 200 DETECTION SUBSTANCES) โดยวิธีพิเศษ และแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ และในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2550 พันเอก สิทธิ์ แป้นกลาง ผู้อำนวยการกองปลัดบัญชี กรมสรรพาวุธทหารบก ได้มีบันทึกข้อความ กปช.สพ.ทบ. ด่วนที่สุด ที่ต่อ กห 0443.5/7778 ถึงเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก (ผ่านกองส่งกำลัง กรมสรรพาวุธทหารบก) ขออนุมัติหลักการซื้อเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธและวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) โดยวิธีพิเศษ จำนวน 68 เครื่อง วงเงิน 61,200,000 บาท สำหรับงบประมาณยังไม่ได้รับอนุมัติสั่งจ่าย จึงเห็นควรให้ดำเนินการไปก่อนโดยยังไม่ผูกพัน และพลโท คำนวณ เธียรประมุข เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกได้อนุมัติตามเสนอในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2550 พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อ โดยวิธีพิเศษ ประกอบด้วย พันเอก ชาติชาย สุคนธสิงห์ เป็นประธานกรรมการ โดยมี พันเอก โกสิทธิ์ จันทมาลา และพันโท สมชาญ พลายพงษา เป็นกรรมการ
กรมสรรพาวุธทหารบกได้มีหนังสือเชิญชวนให้บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ผู้ขายรายเดิม ตามสัญญาซื้อขาย เลขที่ 1/2551 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2550 ซึ่งไม่สิ้นสุดระยะเวลาส่งมอบตามสัญญา (ครบกำหนด 22 กุมภาพันธ์ 2551) เสนอราคาเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธและวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) กำหนดยื่นซองเสนอราคาในวันที่ 3 ธันวาคม 2550 และจะเปิดซองเสนอราคาในวันเดียวกัน ปรากฏว่าบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เสนอราคาเครื่องละ 900,000 บาท จำนวน 68 เครื่อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 61,200,000 บาท
ต่อมาวันที่ 26 ธันวาคม 2550 พลโท คำนวณ เธียรประมุข เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ได้ลงนามในบันทึกข้อความ สพ.ทบ. ด่วนมาก ที่ กห 0443/6768 ขออนุมัติซื้อเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธและวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) โดยวิธีพิเศษ จำนวน 68 เครื่อง ราคาเครื่องละ 900,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 61,200,000 บาท จากบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 23 (4) ถึง ผู้บัญชาการทหารบก (ผ่านกรมส่งกำลังบำรุงทหารบก) ซึ่งวงเงินอนุมัติซื้อในครั้งนี้อยู่ในอำนาจรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอนุมัติ โดยนายสมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 อนุมัติให้กองทัพบกไทย (กรมสรรพาวุธทหารบก) ซื้อเครื่องตรวจจับสารเสพติด , อาวุธและวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) โดยวิธีพิเศษ จำนวน 68 เครื่อง ราคาเครื่องละ 900,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 61,200,000 บาท จากบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ตามระเบียบ
@ นายสมัคร สุนทรเวช /ภาพจาก https://positioningmag.com/8882
สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 23 (4) ตามบันทึกข้อความ สงป.กห ด่วนมาก ที่ (ฉบับ สงป.กห. เลขรับ 1425/51) ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2551 จากนั้นพลโทคำนวณ เธียรประมุข เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ได้ลงนามทำสัญญาซื้อขายเลขที่ 81/2551 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 กำหนดส่งมอบพัสดุภายในวันที่ 29 ตุลาคม 2551 และได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ประกอบด้วย พันเอก ชาญชลิต พนมสารนรินทร์ เป็นประธานกรรมการ โดยมี พันตรีวิโรจน์ ทรัพย์สัตย์ และพันตรี อำนาจ ตรีนิตย์ เป็นกรรมการ
บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ได้ส่งมอบพัสดุเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2551 ทันกำหนดการส่งมอบพัสดุตามสัญญา โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ดำเนินการตรวจรับพัสดุในวันที่ 23 กรกฎาคม 2551 โดยวิธีการนับจำนวน, ตรวจตามแบบรูปรายการละเอียดของผู้ซื้อ พิจารณาแล้ว เห็นควรรับพัสดุไว้ใช้ในราชการและได้มอบพัสดุดังกล่าวให้กับกองคลังยุทธโธปกรณ์ กรมสรรพาวุธทหารบก คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจึงได้จัดทำบันทึกข้อความ กพส.ศอ.สพ.ทบ. ที่ กห 0443.14/พ.ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2551 เรื่อง รายงานผลการตรวจรับพัสดุ เสนอไปยังเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก (ผ่านกองจัดหา กรมสรรพาวุธทหารบก)
จากนั้น พลตรี ศรีศักดิ์ โตเรืองศรี รองเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ทำการแทนเจ้ากรมสรรพวุธทหารบก ได้ลงนามอนุมัติเบิกจ่ายเงินให้แก่บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด จำนวน 61,200,000 บาท
การจัดซื้อครั้งที่ 9
สำนวน ป.ป.ช. ระบุว่า วันที่ 25 กันยายน 2551 พลตรี ชวลิต ศรีศิลปนันทน์ เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก ได้ลงนามในบันทึกข้อความ กบ.ทบ. ด่วนมาก ที่ต่อ กห 0404/11934 ขออนุมัติแผนจัดหาเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธและวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) จำนวน 222 เครื่อง วงเงิน 199,800,000 บาท โดยให้กรมสรรพาวุธทหารบกดำเนินการจัดหา โดยใช้รูปแบบรายการประกอบแทนคุณลักษณะเฉพาะเป็นหลักในการจัดหา ถึงผู้บัญชาการทหารบก (ผ่านผู้บัญชาการทหารบก (1)) โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (1) รับคำสั่ง) ได้ลงนาม วันที่ 29 กันยายน 2551 อนุมัติแผนจัดหาตามที่กรมส่งกำลังบำรุงทหารบกเสนอ
ต่อมา พันเอก ภาณุ ป้านทอง หัวหน้ากลุ่มกองจัดหา กรมสรรพาวุธทหารบก จึงได้มีบันทึกข้อความ กจห.สพ.ทบ. ด่วนมาก ที่ต่อ กห 0443.9/1420, 2 ต.ค. 2551 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ถึงเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก (ผ่านกองปลัดบัญชี กรมสรรพาวุธทหารบก, กองส่งกำลังกรมสรรพาวุธทหารบก) เพื่อขออนุมัติหลักการซื้อเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธและวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) โดยวิธีพิเศษ และแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ และในวันที่ 8 ตุลาคม 2551, พันเอก สิทธิ์ แป้นกลาง ผู้อำนวยการกองปลัดบัญชี กรมสรรพาวุธทหารบก ได้มีบันทึกข้อความ กปช.สพ.ทบ. ด่วนมาก ที่ต่อ กห 0443.5/7341 ถึงเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก (ผ่านกองส่งกำลัง กรมสรรพาวุธทหารบก) ขออนุมัติหลักการซื้อเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธและวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) โดยวิธีพิเศษ จำนวน 222 เครื่อง วงเงิน 199,800,000 บาท
สำหรับงบประมาณยังไม่ได้รับอนุมัติสั่งจ่าย จึงเห็นควรให้ดำเนินการไปก่อนโดยยังไม่ผูกพัน และพลโทคำนวณ เธียรประมุข เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกได้อนุมัติตามเสนอ พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ประกอบด้วย พันเอก ชาติชาย สุคนธสิงห์ เป็นประธานกรรมการ โดยมี พันเอก โกสิทธิ์ จันทมาลา และพันโทสมชาญ พลายพงษา เป็นกรรมการ วันที่ 10 ตุลาคม 2551 กองจัดหา กรมสรรพาวุธทหารบก ได้มีหนังสือ ที่ กห 0443.9/1420 เชิญชวนบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ให้เสนอราคาเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธและวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) กำหนดยื่นซองเสนอราคาในวันที่ 14 ตุลาคม 2551 และจะเปิดซองเสนอราคาในวันเดียวกัน ปรากฏว่าบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เสนอราคาเครื่องละ 900,000 บาท จำนวน 222 เครื่อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 199,800,000 บาท
@ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ต่อมาวันที่ 31 ตุลาคม 2551 พลโท คำนวณ เธียรประมุข เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกได้ลงนามในบันทึกข้อความ สพ.ทบ. ด่วนมาก ที่ กห 0443/7305 ขออนุมัติซื้อเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธ และวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) โดยวิธีพิเศษ จำนวน 222 เครื่อง ราคาเครื่องละ 900,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 199,800 บาท จากบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 23 (6) ถึงผู้บัญชาการทหารบก (ผ่านกรมส่งกำลังบำรุงทหารบก) ซึ่งวงเงินอนุมัติซื้อในครั้งนี้อยู่ในอำนาจรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอนุมัติ โดยพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามวันที่ 9 มกราคม 2552 อนุมัติให้กองทัพบกไทย (กรมสรรพาวุธทหารบก) ซื้อเครื่องตรวจจับสารเสพติด, อาวุธและวัตถุระเบิด (จีที200 DETECTION SUBSTANCES) โดยวิธีพิเศษ จำนวน 222 เครื่อง ราคาเครื่องละ 900,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 199,800,000 บาท จากบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 23 (6) ตามบันทึกข้อความด่วนมาก สงป.กห ที่ (ฉบับ สงป.กห. เลขรับ 7203/51) ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2551 จากนั้นพลโทคำนวณ เธียรประมุข เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกได้ลงนามทำสัญญาซื้อขายเลขที่ 39/2552 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 กำหนดส่งมอบพัสดุภายในวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 และได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ประกอบด้วย พันเอก บัญชา พงษ์สวัสดิ์ (เสียชีวิต) เป็นประธานกรรมการ โดยมี พันโท ธรรมนูญ ภักดี และพันตรี วีรศักดิ์ นิลแก้ว เป็นกรรมการ
บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ได้ส่งมอบพัสดุในวันที่ 30 เมษายน 2552 ทันกำหนดการส่งมอบพัสดุตามสัญญา โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ดำเนินการตรวจรับพัสดุในวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 โดยวิธีการนับจำนวน, ตรวจตามแบบรูปรายการละเอียดของผู้ซื้อ และทดสอบทดลองใช้งาน พิจารณาแล้วเห็นควรรับพัสดุไว้ใช้ในราชการและได้มอบพัสดุดังกล่าวให้กับกองคลังยุทธโธปกรณ์กรมสรรพาวุธทหารบก คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจึงได้จัดทำบันทึกข้อความ กวก.สพ.ทบ ที่ กห 0443.8/พ. ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 เรื่อง รายงานผลการตรวจรับพัสดุ เสนอไปยังเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก (ผ่านกองจัดหา กรมสรรพาวุธทหารบก) จากนั้นรองเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก (2) ทำการแทนเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ได้ลงนามอนุมัติเบิกจ่ายเงินให้แก่บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด จำนวน 199,800,000 บาท (ดูเอกสารประกอบ)
ทั้งนี้ จากข้อมูลการจัดซื้อเครื่อง จีที 200 จำนวน 2 ครั้งดังกล่าว จะเห็นได้ว่า มีรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม จำนวน 2 ราย คือ นายสมัคร สุนทรเวช และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยในฐานะผู้ลงนามอนุมัติให้กองทัพบกไทย (กรมสรรพาวุธทหารบก) ซื้อเครื่องจีที 200
ปัจจุบัน นายสมัคร สุนทรเวช เสียชีวิตไปแล้ว
ส่วน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และไม่เคยปรากฏข้อมูลว่าถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา ชี้มูลความผิดทางวินัยหรืออาญา และถูกฟ้องในคดีจัดซื้อเครื่องจีที 200 ด้วยแต่อย่างใด
ขณะที่ความเห็นอัยการระบุว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลมโหม มีหน้าที่ต้องตรวจสอบให้มีความชัดเจนว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถตรวจสารวัตถุระเบิดและสารเสพติดได้หรือไม่ ก่อนที่จะอนุมัติให้มีการสั่งซื้อแต่ไม่ได้ดำเนินการนั้น จึงปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถตรวจสารวัตถุระเบิดและสารเสพติดได้เพื่อให้พ้นความรับผิดไม่ได้"
อย่างไรก็ดี ข้อมูลการอนุมัติจัดซื้อเครื่อจีที 200 ในส่วนของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังไม่จบยังมีข้อมูลในส่วนของการจัดซื้อครั้งที่ 10 ครั้งที่ 12 อีก
รายละเอียดเป็นอย่างไร จะขอนำมาเสนอในตอนต่อไป
อนึ่ง เกี่ยวกับการฟ้องร้องคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า จำเลยทั้ง 22 ราย ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ปัจจุบันไม่ได้ถูกควบคุมตัวในคดีนี้ และยังไม่ปรากฏข่าวว่าศาลมีคำพิพากษาตัดสินคดีนี้แล้วหรือไม่ จำเลยทุกรายรวมถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
อ่านประกอบ :
- เปิดครบ! 20 หน่วยงานถูก ป.ป.ช.ชี้มูลอาญา-วินัยกราวรูดคดีจัดซื้อ GT200-Alpha6
- ป.ป.ช.แจ้งข้อหากราวรูด 200 ราย! จนท.รัฐพันจัดซื้อ GT200-‘อิศรา’พบมี 10 แห่ง 767 ล.
- ย้อนข้อมูล บ.แจ๊คสันฯ ชนะคดีขายจีที200 กองบัญชาการกองทัพไทย-อัยการอุทธรณ์สู้ต่อ!
- ผู้บริหารเอวิเอ โดนคุกอีก10 ปี! DSI เผยคำพิพากษาคดีขายจีที200 กรมสรรพาวุธทหารบก
- ข้อมูลธุรกิจล่าสุด สุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ ผู้บริหารบ.ขายจีที200 โดนโทษจำคุกคนเดียว 19 ปี
- ผู้บริหารเอวิเอ โดนคุกอีก10 ปี! DSI เผยคำพิพากษาคดีขายจีที200 กรมสรรพาวุธทหารบก
- จำคุก 9 ปี!ผู้บริหาร บ.เอวิเอฯขาย GT200 ให้กรมราชองครักษ์-ยื่น 9 แสนประกันตัวสู้ต่อ
- เช็คท่าที 'กองทัพบก-กองทัพเรือ-2อบจ.' หลังกรมราชองครักษ์ฟ้องชนะคดีซื้อจีที 200
- สัญญาโมฆะ-ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้!ชนวน บ.เอวิเอฯแพ้คดีGT200 ชดใช้9ล.
- ไม่รับฎีกา! หลังศาลแพ่งสั่งเอวีเอฯ ชดใช้กรมราชองครักษ์9 ล. ซื้อเครื่องจีที200
- 19 สัญญา 688 ล.!เจาะข้อมูล7 หน่วยงานรัฐซื้อจีที200 ก่อนผู้ผลิตโดนยึดทรัพย์