"...แม้ศาลฯ จะอนุมัติใหม่จับฉบับใหม่ให้แล้ว แต่ในมุมของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. บางส่วน ก็ยังไม่มั่นใจในการดำเนินการตามวิธีการนี้มากนัก เพราะแม้จะการติดตามจับกุมตัวนายสุนทร มาได้ แต่กรณีนี้ก็อาจเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายให้ฝ่ายนายสุนทร หยิบยกขึ้นมาต่อสู้คดีในอนาคตได้..."
สร้างความสับสนให้สังคมไทยอยู่ไม่น้อย!
กรณี เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้ออกหมายจับฉบับที่ 2 "นายสุนทร วิลาวัลย์" นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ มาตรา 151 ในคดีการมีส่วนร่วมบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงปี 2545
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้ออกหมายจับฉบับแรกไปเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2565 หลังนายสุนทรไม่เดินทางเข้ารายงานต่อ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 จังหวัดระยอง เพื่อให้นำตัวยื่นฟ้องคดีต่อศาลฯ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2565 ตามนัดหมาย
ขณะที่จากการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) และ ตำรวจกองปราบปราม (บก.ป.) เพื่อติดตามตัว นายสุนทร ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนที่คดีนี้จะหมดอายุความลงในวันที่ 13 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา
ส่วน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาฯ ป.ป.ช. และ โฆษก ป.ป.ช. ก็ออกมาแถลงข่าวเป็นทางการว่า คดีของนายสุนทร เหตุเกิดเมื่อปี 2545 แต่กฎหมาย ป.ป.ช. แก้ไขเมื่อปี 2554 (ฉบับที่ 2) ที่ให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ ซึ่งได้มีคำวินิจฉัยของศาลแล้วว่าการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นโทษย้อนหลังไม่ได้ แต่ถ้ากฎหมายเป็นคุณถึงจะใช้ได้ เรื่องนี้ศาลมองว่าเป็นเรื่องของโทษ ฉะนั้นจะใช้ย้อนหลังไม่ได้
จึงมีคำถามเกิดขึ้นว่า เมื่อคดีนี้หมดอายุความไปแล้ว ทำไมศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ถึงได้ออกหมายจับฉบับที่ 2 นายสุนทร ได้อีก
เบื้องต้น ประเด็นนี้มีคำอธิบายจาก นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ไปแล้วว่า วันที่ 16 มิ.ย. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้ออกหมายจับนายสุนทร ในความผิด ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ มาตรา 151 โดยให้ส่งตัวมาให้พนักงานอัยการนำตัวยื่นฟ้องศาล เนื่องจากเป็นการหลบหนีระหว่างคดีจึงไม่นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกกล่าวหาระหว่างหลบหนีเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ ตามมาตรา 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และมาตรา 13 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 โดยคดีที่ศาลออกหมายจับนี้เป็นไปตามที่พนักงานอัยการมีหนังสือแจ้งให้ ป.ป.ช.ไปดำเนินการขอออกหมายจับจนเป็นที่มาองการออกหมายจับวันนี้
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันว่า กระบวนการขอออกหมายจับนายสุนทร ฉบับที่ 2 ดังกล่าว เกิดขึ้นตามคำแนะนำของฝ่ายอัยการ ว่า ให้ ป.ป.ช. ไปยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับใหม่ ตามมาตรา 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และมาตรา 13 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ไปก่อน เพราะเป็นกฎหมายคนละฉบับกัน เพื่อให้ศาลฯ วินิจฉัย
ปรากฏว่าหลังจากที่ยื่นไป ศาลฯ ได้อนุมัติหมายจับใหม่ให้ตามกฎหมายใหม่ดังกล่าว
ทั้งนี้ แม้ศาลฯ จะอนุมัติใหม่จับฉบับใหม่ให้แล้ว แต่ในมุมของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. บางส่วน ก็ยังไม่มั่นใจในการดำเนินการตามวิธีการนี้มากนัก เพราะแม้จะการติดตามจับกุมตัวนายสุนทร มาได้
แต่กรณีนี้ก็อาจเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายให้ฝ่ายนายสุนทร หยิบยกขึ้นมาต่อสู้คดีในอนาคตได้
เนื่องจากอายุความนับแต่วันเกิดเหตุ แม้ภายหลัง จะมี พ.ร.บ.ไม่ให้นับระยะเวลาที่หลบหนีเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ แต่กฎหมายเป็นโทษ ไม่มีผลย้อนหลัง ตาม ป.อาญา มาตรา 2 ที่ระบุว่า "บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้น ต้องเป็นโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย"
" ถ้าตามบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป ให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว ก็ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น ถ้ารับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง"
กรณีการออกหมายจับนายสุนทร ฉบับที่ 2 ดังกล่าว จึงอาจจะกลายเป็นแค่การก่อปราสาททราย สร้างความหวังที่อาจไม่เป็นความจริงในอนาคตก็ได้?
อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเริ่มต้นทำได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งrkหมายจับของศาลฯ คือ กระบวนการถอดถอน นายสุนทร ออกจากตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรี จากการหนีหมายจับ ว่าเป็นการประพฤติเสื่อมเสียต่อการดำรงตำแหน่งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งอยู่ในอำนาจของ รมว.มหาดไทย ที่สามารถพิจารณาเรื่องได้ทันที
คำถามสำคัญ คือ ปัจจุบัน กระทรวงมหาดไทย โดย รมว.มหาดไทย ได้เริ่มต้นกระบวนการนี้ไปแล้วหรือยัง? ถ้ายังไม่ทำเป็นเพราะสาเหตุอะไร?
การหนีหมายจับ เป็นสิ่งที่ รมว.มหาดไทย เห็นว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญอย่างนั้นหรือ?
อ่านข่าวเรื่องเดียวกันประกอบ
- ศาลคดีทุจริตออกหมายจับใหม่'สุนทร'รุกป่าเขาใหญ่ ไม่นับอายุความขณะจำเลยหลบหนี
- รอ อสส.ชี้ชะตาสั่งฟ้องหรือไม่! เปิดข้อมูลคดี 2 'สุนทร-พวก' รุกอุทยานฯ อ.ประจันตคาม250ไร่
- 'สุนทร' where are you? ภาพชุดปูพรมปราจีนค้น 5 จุดไม่พบ-จับตาแผนสอง ป.ป.ช.ถอดถอนนายกอบจ.
- ป.ป.ช.ประสาน ปปป.-กองปราบฯจัดกำลังตามจับพ่อรมช.ศึกษาฯคดีรุกป่าก่อนหมดอายุความ13 มิ.ย.นี้
- ยื่นประกันตัว 3 แสน! ศาลฯ ปล่อย 'กนกวรรณ' สู้คดีรุกป่า- ส่วนพ่อไม่มา ลูกสาวแจ้ง 'ปวดขา'
- ย้อนข้อมูล‘อิศรา’ดูที่ตั้งโฉนด‘กนกวรรณ’30 ไร่ สีเขียวทึบ ก่อนรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ยื่นศาลฯขอออกหมายจับ6ผู้ถูกกล่าวหาคดีรุกป่า อนุมัติแล้ว 4 - ยังไม่มีชื่อ'กนกวรรณ'
- อสส.สั่งฟ้องแล้ว! ฉบับเต็ม ป.ป.ช.แถลงชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. พร้อมพ่อรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. ผิดข้อหารุกป่าเขาใหญ่ พ่วงฝ่าฝืนจริยธรรม
- กอ.รมน.โชว์หราโฉนด 6 แปลง โผล่ในเขตอุทยานฯเขาใหญ่ ของ‘กนกวรรณ-สุนทร’
- เปิด'หน้า-หลัง'โฉนด 16 แปลงริมเขาใหญ่ ‘กนกวรรณ’ - 7 แปลงออกปี 45 เคยจำนองแบงก์ด้วย
- ปักหมุด โฉนดที่ดิน 15 แปลง 159 ไร่ ‘กนกวรรณ’ ริมเขาใหญ่
- ชัด! 3 โฉนดแปลงใหม่ ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ สีเขียวทึบ-ทางขึ้นเขาใหญ่
- พบโฉนดที่ดิน ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ อยู่ริมเขาใหญ่อีก 4 แปลง
- เปิดโฉมตำแหน่งโฉนดที่ดิน รมช.ศึกษาฯ ปมถูกกล่าวหาบุกรุกป่าเขาใหญ่