"...คดีที่สอง ของ นายสุนทรและพวก ดังกล่าว เป็นกรณีการบุกรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในอ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี จำนวน 22 แปลง 250 ไร่ ซึ่งแต่เดิมดีเอสไอมีความเห็นส่งฟ้อง นายสุนทร และพวก ต่อพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษไปแล้ว แต่อัยการไม่ความเห็นสั่งไม่ฟ้อง แต่อธิบดีดีเอสไอ มีความเห็นแย้งเห็นควรให้สั่งฟ้อง และมีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดชี้ขาดไปแล้ว ..ปัจจุบันคดีนี้ อัยการสูงสุด ได้สั่งสอบเพิ่มเติมในบางประเด็น เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่..."
ประเด็นตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก กรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี และ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กับพวก บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขต จ.ปราจีนบุรี พื้นที่กว่า 150 ไร่ ก่อนจะมีการส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ซึ่งต่อมานางกนกวรรณ ได้ไปรายงานตัวต่ออัยการเพื่อนำตัวไปยื่นฟ้อง ขณะที่นายสุนทร และพวกอีก 1 ราย คือ นายสมศักดิ์ หีบเงิน เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการรังวัด ที่ถูกออกหมายจับ และยังไม่สามารถติดตามตัวมาได้ หลังจากคดีนี้หมดอายุความไปแล้วในวันที่ 13 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา
ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาเสนอให้สาธารณชนรับทราบอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ โฆษก ป.ป.ช. แถลงว่า นายสุนทร วิลาวัลย์ และพวก มีคดีความที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 คดี คือ 1. คดีการสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดในประเด็นการบุกรุกป่า ซึ่งมีการถูกออกหมายจับในปัจจุบัน 2. ส่วนอีกคดี คือ กรณีที่ดินที่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเหตุเกิดเมื่อปี 2555 เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเจ้าของเรื่อง และดำเนินการส่งไปที่อัยการสูงสุดแล้ว เนื่องจากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐ และมีนายสุนทรร่วมด้วย และขอให้สื่อไปตรวจสอบคดีนี้ด้วย
"ที่ดินของนายสุนทรไม่ได้มีเพียงแค่โฉนดเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามตรวจสอบอยู่ว่าทั้งหมดมีอยู่เท่าไร เพราะเขามีอยู่หลายแปลง และรู้สึกว่าจะมี 10 กว่าโฉนด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินของ ป.ป.ช.เองกำลังตรวจสอบรายละเอียดเรื่องการครอบครองที่ดินของนายสุนทร โดยเฉพาะการถือโฉนดในบริเวณ อ.เนินหอม อ.ประจันตคาม ที่เป็นเขตที่ติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" โฆษก ป.ป.ช. ระบุ
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับการยืนยันว่า คดีที่สอง ของ นายสุนทรและพวก ดังกล่าว เป็นกรณีการบุกรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในอ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี จำนวน 22 แปลง 250 ไร่ ซึ่งแต่เดิมดีเอสไอมีความเห็นส่งฟ้อง นายสุนทร และพวก ต่อพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษไปแล้ว แต่อัยการไม่ความเห็นสั่งไม่ฟ้อง แต่อธิบดีดีเอสไอ มีความเห็นแย้งเห็นควรให้สั่งฟ้อง และมีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดชี้ขาดไปแล้ว
"ปัจจุบันคดีนี้ อัยการสูงสุด ได้สั่งสอบเพิ่มเติมในบางประเด็น เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่" แหล่งข่าวดีเอสไอ ระบุ
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการถือครองที่ดิน ในอ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ของ นายสุนทร นั้น ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา นำข้อมูลบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้ของนายสุนทร ยื่นต่อ ป.ป.ช.กรณีรับตำแหน่ง นายก อบจ.ปราจีนบุรี วันที่ 15 ก.พ.2565 มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้วว่า นายสุนทรแจ้งว่ามีที่ดิน 220 แปลง เนื้อที่ 4,205-3-00.5 ไร่ (สำนักข่าวอิศรารวบรวม) มูลค่า 631,460,340 บาท (อยู่ใน จ.สระแก้ว 4 แปลง ที่เหลืออยู่ใน จ.ปราจีนบุรี) คู่สมรสถือครอง 5 แปลง เนื้อที่ 110-2-03 ไร่ มูลค่า 9,000,000 บาท (อยู่ใน จ.ปราจีนบุรีทั้งหมด)
รวมทั้งสิ้น 225 แปลง เนื้อที่ 4,316-1-03.5 ไร่ มูลค่า 640,460,340 บาท
ในจำนวนนี้ มีที่ดินอยู่ในเขต ต.คำโตนด , ต.ดงบัง , ต.บุฝ้าย , ต.ประจันตคาม , ต.หนองแสง , ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี จำนวนหลายสิบแปลง (ดูข้อมูลในเอกสารประกอบท้ายเรื่อง)
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า คดีที่ดินในคดีที่ 2 ของนายสุนทร ที่เข้าข่ายถูกตรวจสอบเรื่องการบุกรุกอุทยานฯ อาจจะอยู่ในเขต ต.บุฝ้าย เนื่องจากในช่วงเดือนมกราคม 2563 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในขณะนั้น เคยออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะว่า ดีเอสไอได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการบุกรุกออกโฉนดในพื้นที่แนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขต.ต.บุฝ้าย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี 22 แปลง เนื้อที่ 251 ไร่
โดยดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษที่ 149/2555 มีการส่งเรื่องไปที่ ป.ป.ช.และสอบสวนเรื่อยมา จนได้ข้อสรุปและเป็นคดีใหม่เมื่อปี 2562 มีข้อสรุปว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และเตรียมแจ้ง ข้อกล่าวหา ลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง 12 คน
ก่อนที่เรื่องจะเงียบหายไป และถูกนำมากล่าวถึงอีกครั้ง หลังจากคดีแรกของนายสุนทร และพวก หมดอายุความไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา นายสนทุร ถูกออกหมายจับ และไม่สามารถติดตามตัวมาได้ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
ทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลคดีที่ 2 ของ นายสุนทรและพวก ที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบล่าสุดในขณะนี้
อ่านข่าวเรื่องเดียวกันประกอบ
- 'สุนทร' where are you? ภาพชุดปูพรมปราจีนค้น 5 จุดไม่พบ-จับตาแผนสอง ป.ป.ช.ถอดถอนนายกอบจ.
- ป.ป.ช.ประสาน ปปป.-กองปราบฯจัดกำลังตามจับพ่อรมช.ศึกษาฯคดีรุกป่าก่อนหมดอายุความ13 มิ.ย.นี้
- ยื่นประกันตัว 3 แสน! ศาลฯ ปล่อย 'กนกวรรณ' สู้คดีรุกป่า- ส่วนพ่อไม่มา ลูกสาวแจ้ง 'ปวดขา'
- ย้อนข้อมูล‘อิศรา’ดูที่ตั้งโฉนด‘กนกวรรณ’30 ไร่ สีเขียวทึบ ก่อนรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ยื่นศาลฯขอออกหมายจับ6ผู้ถูกกล่าวหาคดีรุกป่า อนุมัติแล้ว 4 - ยังไม่มีชื่อ'กนกวรรณ'
- อสส.สั่งฟ้องแล้ว! ฉบับเต็ม ป.ป.ช.แถลงชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. พร้อมพ่อรุกป่าเขาใหญ่
- ป.ป.ช.ชี้มูล 'กนกวรรณ' รมช.ศธ. ผิดข้อหารุกป่าเขาใหญ่ พ่วงฝ่าฝืนจริยธรรม
- กอ.รมน.โชว์หราโฉนด 6 แปลง โผล่ในเขตอุทยานฯเขาใหญ่ ของ‘กนกวรรณ-สุนทร’
- เปิด'หน้า-หลัง'โฉนด 16 แปลงริมเขาใหญ่ ‘กนกวรรณ’ - 7 แปลงออกปี 45 เคยจำนองแบงก์ด้วย
- ปักหมุด โฉนดที่ดิน 15 แปลง 159 ไร่ ‘กนกวรรณ’ ริมเขาใหญ่
- ชัด! 3 โฉนดแปลงใหม่ ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ สีเขียวทึบ-ทางขึ้นเขาใหญ่
- พบโฉนดที่ดิน ‘กนกวรรณ’ รมช.ศึกษาฯ อยู่ริมเขาใหญ่อีก 4 แปลง
- เปิดโฉมตำแหน่งโฉนดที่ดิน รมช.ศึกษาฯ ปมถูกกล่าวหาบุกรุกป่าเขาใหญ่