โควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 นั้นไม่ใช่ไวรัสตัวใหม่อย่างแน่นอน จากการรายงานของประธานร่วมหน่วยงานเฉพาะกิจของสมาคมการแพทย์อินเดีย นพ.จายาเดวาน ที่ให้ไว้กับสำนักข่าว ANI ระบุว่า “ไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสายพันธุ์ทั่วไปนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับกิ่งของต้นไม้ทางพันธุกรรมที่แตกแขนงออกไป ดังนั้นสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 นี้จึงไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ ที่เราทราบกันดีก็คือว่าไวรัสนี้กำลังปรับตัวเพื่อให้เข้ากับการใช้มนุษย์เป็นพาหะเพื่อที่จะหลบหนีภูมิคุ้มกันและสามารถเดินทางแพร่กระจายระหว่างแต่ละบุคคลได้รวดเร็วขึ้น”
ข่าวการระบาดของไวรัสโควิด-19 ณ เวลานี้ แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัสในประเทศไทยนั้นจะอยู่ในทิศทางขาลง แต่อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณเตือนภัยจากในต่างประเทศ และในประเทศไทยว่า โควิดโอไมครอนสายพันธุ์ BA.5 และ BA.4 นั้นกำลังมา ซึ่งไวรัสโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 ดังกล่าวนี้นั้นถือว่ามีอัตราการแพร่เชื้อที่สูงมาก และพบว่ามีการระบาดไปแล้วล่าสุดในประเทศมาเลเซียและในประเทศอินโดนีเซีย
ล่าสุดสำนักข่าวไทม์ออฟอินเดีย ของประเทศอินเดียได้ลงบทความเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ว่านี้ซึ่งล่าสุดพบในประเทศรัสเซีย โดยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเอารายงานดังกล่าวมานำเสนอมีรายละเอียดดังนี้
@โควิดสายพันธุ์ย่อย BA.2 ยังคงเป็นโควิดสายพันธุ์ที่ระบาดเป็นหลักคิดเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ในประเทศรัสเซีย
มีรายงานว่าพบว่ามีโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ที่มีศักยภาพในการระบาดได้สูง ถูกค้นพบในประเทศรัสเซีย ซึ่งจนถึงตอนนี้นั้น ไวรัสโควิดโอไมครอน BA.2 ยังคงเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดเป็นหลักรวมไปถึงที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นมีอัตราการระบาดคิดเป็นสัดส่วน 95 เปอร์เซ็นต์ ของการระบาดในประเทศ
อย่างไรก็ตามแต่โควิดสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่จากที่มีการรายงานของหลายหน่วยงานนั้นก็คือโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4
โดยโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ที่มีศักยภาพในการระบาดค่อนข้างสูงที่ว่านี้นั้นถูกตรวจพบโดยรัสเซีย ตามการรายงานของ Rospotrebnadzor ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัสบาลเพื่อการกำกับดูแลคุ้มครองผู้บริโภคและสวัสดิการ
ทั้งนี้ข้อมูลจากนายคามิล คาฟิซอฟ หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านจีโนมที่สถาบันวิจัยกลางด้านระบาดวิทยาของ Rospotrebnadzor พบว่าจากการถอดตัวอย่างทางพันธุกรรมนั้น มีโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 ระบาดตั้งแต่ในช่วงปลายเดือน พ.ค.
มาเลเซียพบการระบาดของโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 และ BA.2.121 (อ้างอิงวิดีโอจาก Berita RTM)
@โควิดสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 นั้นถือว่าเป็นไวรัสตัวใหม่หรือไม่
โควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 นั้นไม่ใช่ไวรัสตัวใหม่อย่างแน่นอน จากการรายงานของประธานร่วมหน่วยงานเฉพาะกิจของสมาคมการแพทย์อินเดีย นพ.จายาเดวาน ที่ให้ไว้กับสำนักข่าว ANI ระบุว่า “ไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสายพันธุ์ทั่วไปนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับกิ่งของต้นไม้ทางพันธุกรรมที่แตกแขนงออกไป ดังนั้นสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 นี้จึงไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ ที่เราทราบกันดีก็คือว่าไวรัสนี้กำลังปรับตัวเพื่อให้เข้ากับการใช้มนุษย์เป็นพาหะเพื่อที่จะหลบหนีภูมิคุ้มกันและสามารถเดินทางแพร่กระจายระหว่างแต่ละบุคคลได้รวดเร็วขึ้น”
โดยโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้นเป็นโควิดสายพันธุ์อันน่ากังวลสายพันธุ์ล่าสุดที่ได้มีการบัญญัติเอาไว้โดยองค์การอนามัยโลกหรือ WHO เนื่องจากว่าเป็นโควิดที่มีศักยภาพในการส่งต่อเชื้อในอัตราสูงที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าของตำแหน่งนี้คือโควิดสายพันธุ์เดลต้า ที่มีศักยภาพสามารถแพร่กระจายเชื้อไปได้ทั่วอินเดียในการระบาดในระลอกสอง
@เราจะคาดเดาได้หรือไม่ว่าไวรัสโควิด 2 สายพันธุ์ย่อยดังกล่าวนี้นั้นจะทำให้เกิดการพุ่งขึ้นของการระบาดอีกครั้งหนึ่ง
คำตอบของคำถามนี้นั้นถือว่าค่อนข้างหลากหลายเป็นอย่างยิ่ง
เพราะว่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งก็ออกมาให้คำแนะนำว่าอย่าประมาท เนื่องจากธรรมชาติอันคาดเดาไม่ได้ของไวรัส แต่ผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนก็มองว่าแม้ว่าการเกิดขึ้นของโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ จะมีอัตราการแพร่เชื้อได้ค่อนข้างสูง แต่ว่าอุบัติการณ์ของการพุ่งขึ้นของผู้ติดเชื้อในอินเดียนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจแต่อย่างใด
ที่น่าสนใจก็คือว่ามีผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ว่าที่แอฟริกาใต้นั้นพบว่าโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีส่วนทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ของการติดเชื้อ โคยโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 นั้นทำให้เกิดการพุ่งขึ้นของผู้ติดเชื้อเป็นเวลากล่าสองสัปดาห์ก็จริง แต่ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวนั้นก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
หรือก็คือทั้งสองสายพันธุ์นั้นไม่ได้นำไปสู่จำนวนผู้ติดเชื้อที่มีมากขึ้นแบบเดียวกับที่เคยเกิดในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ปีที่ผ่านมา
ข่าวการระบาดโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ในอินเดีย (อ้างอิงวิดีโอจาก Econonic Times)
@อัตราการแพร่เชื้อนั้นถือว่าเป็นเรื่องน่ากังวลก็จริง แล้วอาการของโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 จะทำให้เกิดอาการการติดเชื้อแบบรุนแรงได้หรือไม่
ผลการศึกษา ณ เวลานี้ระบุว่าโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 นั้นสามารถหลบภูมิคุ้มกันที่เกิดจากโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 ไปได้ นี่จึงเป็นข้อบ่งชี้ว่าโควิดสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวทำให้ติดเชื้อแบบรุนแรง
อย่างไรก็ตาม WHO กล่าวว่าไม่พบว่ากรณีของความรุนแรงในเรื่องของการติดเชื้อเกิดขึ้นมาก่อน
“โควิดสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 นั้นพบว่ามีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อไปแล้วในหลายประเทศ อาทิ ประเทศแอฟริกาใต้,และบางประเทศในทวีปยุโรป แต่ว่าจนถึงขณะนี้พบว่ามีแค่ลำดับพันธุกรรมของโควิดสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวนี้นั้นอยู่แค่ 200 ลำดับเท่านั้น ซึ่งเราคาดว่าตัวเลขนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงไป โดยเรากำลังติดตามไวรัสนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อจะตรวจหาว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่จนถึงขณะนี้เราก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆในแง่ของการระบาดวิทยาและความรุนแรง” พ.ญ. มาเรีย แวน เคอร์โคฟ หัวหน้านักระบาดวิทยาของ WHO กล่าว
@โควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 ทำให้เกิดอาการที่จำเพาะเจาะจงหรือไม่
จนถึง ณ ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีอาการอันจำเพาะเจาะจงที่เกิดขึ้นจากโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 ซึ่งอันที่จริงแล้วการเกิดอาการที่เฉพาะเจาะจงจากสายพันธุ์อื่นๆนั้นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะว่านี่ไม่ใช่โควิดสายพันธุ์ใหม่ และยังเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอไมครอน
โดยอาการอันเกิดขึ้นในโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นๆอาทิ BA.1 และ BA.2 นั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดกับโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งอาการที่ว่านี้ก็ได้แก่ อาการเจ็บคอ, คันคอ, ปวดหัว, มีไข้, อ่อนเพลียและปวดกล้ามเนื้อ แต่ยังไม่พบว่ามีอาการที่รุนแรงกว่านี้แต่อย่างใด