'ข้อมูลใหม่' พบ 2 ครอบครัวนักการเมืองเอี่ยว บ.นากาวัฒน์ คู่กรณีเบี้ยวส่งออกถุงมือยาง บ.นิวซีแลนด์ 793 ล.-ข้อมูลเอกสารเผยมี กก.บริษัทนามสกุลคล้ายนักการเมืองภาคอีสานถอนชื่อออกจากกรรมการบริหารไปตอนเดือน พ.ย. ขณะอีกครอบครัวนักการเมือง พบสมาชิกเคยให้เครดิต กก.บริษัทว่าจะคืนเงินให้
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวกรณีทนายความของบริษัทโคชิลด์ จำกัด สัญชาตินิวซีแลนด์ ทำสัญญาจัดซื้อถุงมือยางไนไตร ในช่วงเดือน พ.ย. 2563- ม.ค. 2564 กับ บริษัท นากาวัฒน์ พีทีอี จำกัด ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในสิงคโปร์ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 793,046,559.06 บาท หรือประมาณ 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่บริษัทนากาวัฒน์ ทีดี กรุ๊ป จำกัด ในประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท นากาวัฒน์ พีทีอี จำกัด กลับไม่ส่งถุงมือยางมูลค่าดังกล่าวมาให้ และเมื่อมีการส่งผู้ประสานงานไปติดต่อพบว่า บริษัทนากาวัฒน์ ทีดี กรุ๊ป จำกัด มีสภาพเป็นโกดังเก็บสินค้าไม่ใช่โรงงานผลิตสินค้าแต่อย่างใด
- เหลือโกดังปิดตาย! ตามหา บ.นากาวัฒน์ คู่กรณีส่งออกถุงมือยาง บ.นิวซีแลนด์ 793 ล.
- บ.นิวซีแลนด์ รุกยื่น ปอศ.สอบเอกชนไทยไม่ส่งถุงมือยาง 793 ล.- รอผู้บริหารอีกฝ่ายชี้แจง
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยข้อมูลใหม่ว่า ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท นากาวัฒน์ และการติดต่อประสานงานซื้อขายถุงมือยางครั้งนี้ อาจจะมีคนในครอบครัวนักการเมืองสองตระกูลใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
โดยความเกี่ยวข้องของคนในครอบครัวนักการเมืองรายแรกนั้น สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลเอกสารจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทนากาวัฒน์ มีบุคคลนามสกุลคล้ายกับ นักการเมืองชื่อดังจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานรวมถือหุ้นอยู่ด้วย และเพิ่งจะถอนชื่อออกกรรมการบริหารบริษัทนากาวัฒน์ฯ ไปในช่วงกลางเดือน พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ขณะที่เอกสารการแบบ บอจ.1 หรือว่าคำขอจดทะเบียนบริษัทนั้นได้ลงรายละเอียดการเปลี่ยนกรรมการผู้ถือหุ้นไว้ว่าอยู่ ณ วันที่ 2 ธ.ค. 2564 (ดูภาพประกอบ)
อย่างไรก็ดี เมื่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้ติดต่อไปยังบุคคลนามสกุลคล้ายกับ นักการเมืองชื่อดังจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อมูลการทำธุรกิจของบริษัทนากาวัฒน์ และการถือหุ้น-ถอนชื่อออกจากกรรมการบริหารบริษัท เมื่อแนะนำตัวว่ามาจากสำนักข่าวอิศรา เสียงปลายสาย แจ้งว่า ตอนนี้ยังไม่สะดวกจะพูดคุย หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
ส่วนความเกี่ยวข้องของคนในครอบครัวนักการเมืองรายสองนั้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้รับการยืนยันข้อมูลจากตัวแทนของบริษัทโคชิลด์ ว่า ได้ติดต่อวิดีโอคอลกับสมาชิกครอบครัวนักการเมืองรายนี้ที่เป็นนักธุรกิจ โดยบุคคลคนนี้ ได้ให้เครดิต กับนายกฤตภาส ศรลัมภ์ หนึ่งในกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทนากาวัฒน์ว่า นายกฤตภาสจะคืนเงินให้กับทางบริษัทโคชิลด์ และถ้าหากไม่มีการคืนเงินเกิดขึ้น นักธุรกิจคนนี้ก็จะดำเนินการฟ้องคดีต่อบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์จัดส่งถุงมือยางให้กับบริษัทนากาวัฒน์เอง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ติดต่อไปยังนายเทวฤทธิ์ กลึงมั่น ที่ปรากฏชื่อว่าเป็นผู้บริหารบริษัทนากาวัฒน์อีกราย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม แต่นายเทวฤทธิ์ปฏิเสธจะให้รายละเอียดกับผู้สื่อข่าว
อนึ่ง เกี่ยวกับกรณีนี้ สำนักข่าวอิศรา เคยได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากตัวแทนของบริษัทโคชิลด์ จำกัด แล้วว่า ได้นำเรื่องนี้ ไปร้องต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) แล้ว
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอศ. ให้ข้อมูลยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า บริษัทที่ถูกบริษัทโคชิลด์ จำกัด ร้องเรียน มีชื่อว่า บริษัทนากาวัฒน์ ทีดี กรุ๊ป จำกัด อย่างไรก็ดี ในการสอบสวนคดีนี้ ยังไม่ได้มีการติดต่อกับฝั่งบริษัทนากาวัฒน์ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ดังนั้น ต้องมีการแจ้งอัยการด้วย
"มันเกี่ยวเนื่องกัน มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร ก็ต้องมีการให้อัยการเป็นพนักงานสอบสวนด้วย" เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวและกล่าวต่อว่าประเด็นเรื่องนอกราชอาณาจักรนั้นก็คือการทำสัญญากับทางบริษัทที่สิงคโปร์และมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยแหล่งที่จะส่งถุงมือยาวไนไตรให้เขาด้วย ดังนั้นก็ต้องรออัยการก่อน
เมื่อถามต่อว่า คดีนี้นั้นอาจจะต้องไปถึงความรับผิดชอบของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ได้ดูแลเรื่องคดีฉ้อโกงถุงมือยางอื่น ๆ หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอศ.กล่าวว่า "ก็ใช่ ส่วนใหญ่คดีที่ทาง ปอศ.มาก็มีลักษณะแบบนี้เหมือนกัน"
"คดีนี้มันเป็นนโยบายของทางผู้บังคับบัญชา ที่ท่านเรียกมาตรวจทุกสำนวน เกี่ยวกับคดีถุงมือทุกอัน" เจ้าหน้าที่กล่าวและกล่าวว่าทาง พล.ต.ท.จิรภพก็มีการติดตามทวงถามความคืบหน้าคดีเหล่านี้มาโดยตลอด
สำหรับกรณีนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม สำนักข่าวอิศรา จะรีบนำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป