"... ให้นับโทษ จำคุก นายสนิท วรกิจ จำเลยที่ 1 นางอรทัย จิตสว่าง หรือเจี่ยสกุล จำเลยที่ 2 นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ จำเลยที่ 3 นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จำเลยที่ 4 นายวีรศักดิ์ หรือนายวีระศักดิ์ ส่องแก้ว จำเลยที่ 7 นายสมมาต โชติประดิษฐ์ จำเลยที่ 8 , นายมงคล เจี่ยสกุล จำเลยที่ 5 นายธีระพงษ์ สงวนนาม จำเลยที่ 6 , และ นายพนม ภิญโญ จำเลยที่ 9 , นายวิจารย์ ผันศรี จำเลยที่ 13 และนายสถาพร สุขเกตุ จำเลยที่ 14 ต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่นด้วย..."
นายสนิท วรกิจ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท้ายเหมือง อำเภอท้ายเมือง จังหวัดพังงา ,นางอรทัย จิตสว่าง หรือเจี่ยสกุล อดีตปลัด อบต.ท้ายเหมือง , นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ อดีตหัวหน้าส่วนโยธา , นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อดีตหัวหน้าส่วนโยธา , นายมงคล เจี่ยสกุล อดีตวิศวกรโยธา , นายธีระพงษ์ สงวนนาม อดีตผู้ช่วยช่างโยธา , นายวีรศักดิ์ หรือนายวีระศักดิ์ ส่องแก้ว อดีตปลัด อบต.ลำภี , นายสมมาต โชติประดิษฐ์ อดีตหัวหน้าส่วนโยธา อบต.ทุ่งพร้าว , นายพนม ภิญโญ อดีตนักวิชาการการศึกษา อบต.ท้ายเหมือง , นายธำรงค์ ผลาญไกรเพชร, นายวณิช สาลีพันธ์ , นายสมศักดิ์ สุกแสง , นายวิจารย์ ผันศรี และนายสถาพร สุขเกตุ
ล่าสุด ถูกศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนโทษจำคุก ในคดีกำหนดราคากลางโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะสูงกว่าความเป็นจริงและตรวจรับงานจ้างไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ โดยไม่รอลงอาญา และยังถูกนับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่นด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสนิท วรกิจ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท้ายเหมือง อำเภอท้ายเมือง จังหวัดพังงา พร้อมพวกอีก 13 ราย คือ นางอรทัย จิตสว่าง หรือเจี่ยสกุล อดีตปลัด อบต.ท้ายเหมือง , นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ อดีตหัวหน้าส่วนโยธา , นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อดีตหัวหน้าส่วนโยธา , นายมงคล เจี่ยสกุล อดีตวิศวกรโยธา , นายธีระพงษ์ สงวนนาม อดีตผู้ช่วยช่างโยธา , นายวีรศักดิ์ หรือนายวีระศักดิ์ ส่องแก้ว อดีตปลัด อบต.ลำภี , นายสมมาต โชติประดิษฐ์ อดีตหัวหน้าส่วนโยธา อบต.ทุ่งพร้าว , นายพนม ภิญโญ อดีตนักวิชาการการศึกษา อบต.ท้ายเหมือง , นายธำรงค์ ผลาญไกรเพชร, นายวณิช สาลีพันธ์ , นายสมศักดิ์ สุกแสง , นายวิจารย์ ผันศรี และนายสถาพร สุขเกตุ
กรณีกำหนดราคากลางโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะ หมู่ที่ 1, 2, 6 และ 7 สูงกว่าความเป็นจริง และตรวจรับงานจ้างไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560
โดยความคืบหน้าคดีล่าสุด เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาว่า
นายสนิท วรกิจ จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม มาตรา 157
นางอรทัย จิตสว่าง หรือเจี่ยสกุล จำเลยที่ 2 , นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ จำเลยที่ 3 , นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จำเลยที่ 4 , นายมงคล เจี่ยสกุล จำเลยที่ 5 , นายวีรศักดิ์ หรือนายวีระศักดิ์ ส่องแก้ว จำเลยที่ 7 นายสมมาต โชติประดิษฐ์ จำเลยที่ 8 , นายพนม ภิญโญ จำเลยที่ 9 , นายธำรงค์ ผลาญไกรเพชร จำเลยที่ 10 มีความผิดตามมาตรา 157 และ 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 83
นายธีระพงษ์ สงวนนาม จำเลยที่ 6 นายวณิช สาลีพันธ์ จำเลยที่ 11 นายสมศักดิ์ สุกแสง จำเลยที่ 12 นายวิจารย์ ผันศรี จำเลยที่ 13 และนายสถาพร สุขเกตุ จำเลยที่ 14 มีความผิด ตามมาตรา 157 และ 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 86
การกระทำของจำเลยที่ 3 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 8 ที่ 9 ที่ 11 ถึงที่ 14 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามมาตรา 91 สำหรับความผิดตามมาตรา 157 และ 162 (1), (4) (เดิม) ประกอบมาตรา 83 และ มาตรา 157 และ 162 (1), (4) (เดิม) ประกอบมาตรา 86 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิด ต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 และ มาตรา 157 (เดิม) ประกอบ มาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามมาตรา 90
จำคุก นายสนิท วรกิจ จำเลยที่ 1 นางอรทัย จิตสว่าง หรือเจี่ยสกุล จำเลยที่ 2 นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จำเลยที่ 4 คนละ 1 ปี
จำคุก นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ จำเลยที่ 3 รวมสามกระทง กระทงแรกจำคุก 1 ปี กระทงที่สอง และที่สาม จำคุก กระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 7 ปี
จำคุก นายมงคล เจี่ยสกุล จำเลยที่ 5 นายสมมาต โชติประดิษฐ์ จำเลยที่ 8 และ นายพนม ภิญโญ จำเลยที่ 9 กระทงละ 3 ปี รวมสองกระทง คงจำคุกคนละ 6 ปี
จำคุก นายธีระพงษ์ สงวนนาม จำเลยที่ 6 นายวณิช สาลีพันธ์ จำเลยที่ 11 และ นายสมศักดิ์ สุกแสง จำเลยที่ 12 กระทงละ 2 ปี รวมสองกระทงคงจำคุกคนละ 4 ปี
จำคุก นายวีรศักดิ์ หรือนายวีระศักดิ์ ส่องแก้ว จำเลยที่ 7 และนายธำรงค์ ผลาญไกรเพชร จำเลยที่ 10 คนละ 3 ปี
จำคุก นายวิจารย์ ผันศรี จำเลยที่ 13 และนายสถาพร สุขเกตุ จำเลยที่ 14 กระทงละ 2 ปี รวมสี่กระทง คงจำคุก คนละ 8 ปี
นอกจากนี้ ยังให้นับโทษ จำคุก นายสนิท วรกิจ จำเลยที่ 1 นางอรทัย จิตสว่าง หรือเจี่ยสกุล จำเลยที่ 2 นายมาโนชญ์ เพิ่มทรัพย์ จำเลยที่ 3 นายไพโรจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จำเลยที่ 4 นายวีรศักดิ์ หรือนายวีระศักดิ์ ส่องแก้ว จำเลยที่ 7 นายสมมาต โชติประดิษฐ์ จำเลยที่ 8 , นายมงคล เจี่ยสกุล จำเลยที่ 5 นายธีระพงษ์ สงวนนาม จำเลยที่ 6 , และ นายพนม ภิญโญ จำเลยที่ 9 , นายวิจารย์ ผันศรี จำเลยที่ 13 และนายสถาพร สุขเกตุ จำเลยที่ 14 ต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่นด้วย
ต่อเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษนายวิจารย์ ผันศรี จำเลยที่ 13 และนายสถาพร สุขเกตุ จำเลยที่ 14 สองกระทง รวมจำคุกคน ละ 4 ปี นอกจากที่ แก้ไขให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ขณะที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบ ในกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังกล่าว
เบื้องต้น คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
อย่างไรก็ดี คดีนี้ นับเป็นอีกหนึ่งคดีใหญ่ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เกิดขึ้น และเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญ ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้ใครเดินซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ได้ชัดเจนอีกกรณีหนึ่ง