"...คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายวรวิทย์ กังศศิเทียม มิได้เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 202 (1) ของรัฐรรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อันเป็นเหตุให้ต้องพันจากตำแหน่งตามมาตรา 208 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ประการใด..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 เม.ย.2565 คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธาน มีวาระพิจารณากรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 คน ประกอบด้วย ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, ศ.ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ , ศ.พิเศษ ดร.จิรนิติ หะวานนท์ และ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อส่งให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัย วาระการดำรงตำแหน่งของ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีอายุครบ 70 ปี เป็นผู้มีคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม อันเป็นเหตุให้พ้นตจากตำแหน่งหรือไม่
ต่อมา คณะกรรมการสรรหาฯได้พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ 5 ต่อ 0 เสียง เห็นว่า นายวรวิทย์ ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามคำร้อง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2565 นางสาวนภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่หน่วยธุรการของคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ลงนามในหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณี นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ต่อ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นทางการ
ระบุว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ขอให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 ท่าน ประกอบด้วย นายอุตม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และนายจิรนิติ หะวานนท์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีหนังสือลงวันที่ 16 มีนาคม 2565 เรื่อง ความเห็นเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของประธานศาลรัฐธรรมนูญ และขอให้สำนักงานตาลรัฐธรรมนูญดำเนินการส่งความเห็นเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของประธานศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 208 วรรคสี่ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 22 วรรคหนึ่ง ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาและวินิจฉัยกรณีการดำรงตำแหน่งของประธานศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้นเสร็จสิ้นแล้ว ดังมีรายละเอียดปรากฏตามคำวินิจฉัยคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 1/2565 ลงวันที่ 25 เมษายน 2565 เรื่อง ขอให้คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาสรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 202 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย และให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแจ้งผลการวินิจฉัยดังกล่าวให้เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญทราบต่อไป
**************************
โดยรายละเอียดผลการวินิจฉัย มีดังนี้
คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องมีหลักฐานตามสมควร จึงกำหนดประเด็นพิจารณาในเบื้องต้นว่า คำร้องของผู้ร้องอยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 208 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือไม่
โดยคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า มาตรา 208 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจวินิจฉัยใน (1) และ (3)
กล่าวคือ กรณีที่มีปัญหาว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ใดพ้นจากตำแหน่ง ตาม (1) เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามมาตรา 201 หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 202 หรือตาม (3) กรณีลาออก หรือไม่ โดยผู้ร้องได้อ้างเหตุที่นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 208 (1) ประกอบมาตรา 202 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กรณีเป็นหรือเคยเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ดังนั้น คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจึงเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องอยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นผู้วินิจฉัย ตามมาตรา 208 วรรคสี่ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาด้วยมติ 3 ต่อ 2 เสียง
คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำร้องรวมทั้งเอกสาร พยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้มีบทบัญญัติรับรองสถานะการดำรงตำแหน่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา 273 วรรคหนึ่ง
โดยบัญญัติให้ "ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และเมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องที่จัดทำขึ้นตามมาตรา 267 ใช้บังคับแล้ว การดำรงตำแหน่งต่อไปเพียงใด ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว"
ต่อมา เมื่อได้มีการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2561 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้กำหนดบทบัญญัติเพื่อให้สอดรับกับมาตรา 273 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา 79 วรรคหนึ่ง
โดยบัญญัติให้ "ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งดำรงตำแหน่งยังไม่ครบวาระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 18 เว้นแต่กรณีตาม (1) ในส่วนที่เกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติตามมาตรา 8 มิให้นำมาใช้บังคับ"
เมื่อนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 จึงเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ดำรงตำแหน่งยังไม่ครบวาระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ใช้บังคับ
ต่อมาเมื่อวุฒิสภาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้สมควรดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ บุคคลทั้งสี่และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ยังดำรงตำแหน่งไม่ครบวาระ จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายวรวิทย์ กังศศิเทียม นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และนายปัญญา อุดชาชน ได้เลือกกันเองให้นายวรวิทย์ กังศศิเทียม เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ และได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2563
จึงถือได้ว่านายวรวิทย์ กังศศิเทียม ได้ดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในมาตรา 81 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ส่วนบทบัญญัติมาตรา 208 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่บัญญัติว่า "ประธานศาลรัฐธรรมนูญซึ่งลาออกจากตำแหน่งให้พ้นจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย" นั้น เป็นบทบัญญัติที่มีความมุ่งหมายให้ตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นการเฉพาะและเพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการสลับตำแหน่งระหว่างประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดังที่ปรากฎในเอกสารบันทึกความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หน้า 358
นายวรวิทย์ กังศศิเทียม จึงยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้จนกว่าจะครบวาระตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และมาตรา 273 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 79 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561
เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ได้บัญญัติรับรองสถานะการดำรงตำแหน่งของนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาสรัฐธรรมนูญ ไว้อย่างชัดเจนแล้วในบทเฉพาะกาล
ดังนั้น คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายวรวิทย์ กังศศิเทียม มิได้เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 202 (1) ของรัฐรรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อันเป็นเหตุให้ต้องพันจากตำแหน่งตามมาตรา 208 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ประการใด
(นางสาวปียกุล บุญเพิ่ม)
ประธานศาลฎีกา
ประธานกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ