“..กำไรเฉลี่ยธุรกิจพนันอยู่ที่ 20% หากเรียกเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมในอัตรา 25% จากกำไร สามารถนำรายได้เข้ารัฐปีละ 1.8 แสนล้านล้านบาท ทำให้ประเทศมีสภาพคล่องนำไปใช้เพื่อช่วยพัฒนาประเทศในเชิงเศรษฐกิจและสังคมต่อไป..”
ทุกสิ่งบนโลกล้วนมีข้อขัดแย้งในตัวเองเกิดขึ้นได้เสมอทุกเมื่อ ไม่มีอะไรที่แบ่งแยกชัดเจนว่า เป็น ‘สีขาว’ หรือ ‘สีดำ’ ไม่เว้นว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม
เช่นเดียวกับ ‘การเปิดบ่อนการพนัน’ หรือ ‘กาสิโน’ ที่เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจ ‘สีเทา’ ซึ่งในหลายประเทศถือว่า เป็นสิ่งที่สามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ในบางประเทศยังมองว่า เป็นสิ่งไม่ดี เป็นแหล่งอบายมุขที่ผู้คนไม่ควรเข้าไปยุ่ง
แต่ทั้งนี้ ก็ต้องยอมรับว่า การพนันไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกคนมักจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการพนันไม่มากก็น้อย
การเปิดกาสิโน หรือ บ่อนการพนันขนาดใหญ่ ที่มีเกมการพนันหลากหลายรูปแบบไว้คอยบริการอย่างถูกกฎหมายเอง ย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่คัดค้าน รวมถึงประเทศไทยที่ประเด็นการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานานหลายปี
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2564 นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติด่วนการขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) สำหรับการหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ รวมทั้งการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ที่มี ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเสนอญัตติในทำนองเดียวกันเข้ามา 12 ฉบับ จึงนำมาพิจารณาไปพร้อมกัน โดยทุกฉบับมีเนื้อหาตรงกัน คือ เสนอให้ตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายที่เมืองหลัก และเมืองท่องเที่ยว เป็นช่องทางหารายได้เข้าประเทศ
นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวว่า การเล่นพนันปัจจุบันเปลี่ยนรูปแบบเดิม จากที่ผู้เล่นเดินทางไปเล่นตามสถานที่ต่างๆ เป็นเล่นบนอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ ทั้งจากผู้ให้บริการในประเทศ เช่น น้ำเต้า ปู ปลา และต่างประเทศในรูปแบบเกมต่างๆ เช่น ฟุตบอล บาคาร่า สล็อต ซึ่งสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย ทำให้มีผู้ผลิตแข่งขันกันอย่างเสรี จึงมีการนำเข้าเกมจากต่างประเทศเข้ามามากมาย ส่งผลให้ประเทศสูญเสียเม็ดเงินมหาศาล
หากมีการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่สามารถห้ามหรือกำกับได้ ก็ควรมีการออกกฎหมายควบคุมและป้องกันอย่างเหมาะสม หากมีการทำให้บ่อนพนันมีขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่น กำหนดอายุผู้เล่น กำหนดมาตรการออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการ ทั้งกิจการการพนัน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง กำหนดบทลงโทษที่เหมาะสม ออกแบบโครงสร้างเรียกเก็บภาษีที่เหมาะสม แก้ปัญหาการไหลออกของเม็ดเงิน
นายชัชวาลล์ กล่าวด้วยว่า ทางพรรคได้ทำการศึกษาขั้นต้น พบว่า ธุรกิจการพนันออนไลน์ในประเทศวงใหญ่มาก มีเงินสูงถึง 3 ล้านล้านบาทต่อเดือน หรือปีละ 36 ล้านล้านบาทต่อปี หากรัฐสามารถเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมที่เหมาะสมได้ ก็จะสามารถนำเงินไปใช้หนี้ให้กับเกษตรกร หรือใช้หนี้ให้เด็กที่กู้ยืมมาศึกษา หรือเป็นทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย สามารถเข้าถึงสถาบันการเงิน
จากข้อมูลที่ได้มาพบว่า กำไรเฉลี่ยธุรกิจพนันอยู่ที่ 20% หากเรียกเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมในอัตรา 25% จากกำไร สามารถนำรายได้เข้ารัฐปีละ 1.8 แสนล้านล้านบาท ทำให้ประเทศมีสภาพคล่องนำไปใช้เพื่อช่วยพัฒนาประเทศในเชิงเศรษฐกิจและสังคมต่อไป
“นี่ขนาดเก็บภาษีจากออนไลน์ยังไม่รวมกาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งไทยมีสถานที่พร้อมจะตั้งกาสิโนได้ทุกภาค เพื่อหาเงินเข้าประเทศ อย่างผลการศึกษาของ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ที่เคยทำการศึกษาหวยใต้ดินที่สิงคโปร์ ที่ทำรายได้ปีละ 1.5 แสนล้านต่อปี ไทยเรามีสถานที่ที่คนมาเที่ยวเยอะแยะ หากเปิดได้ทั้ง 4 ภาค ภาคละ 1.5 แสนล้านบาทต่อปี ก็ทำให้มีรายได้ปีละ 6 แสนล้านล้านบาท” นายชัชวาลล์ กล่าว
ส่วน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายว่า ทุกวันนี้ใน กทม. มีบ่อนใหญ่ และขนาดกลาง 50 แห่ง อีก 76 จังหวัด มีบ่อนใหญ่ จังหวัดละ 2 แห่ง บ่อนเหล่านี้มีรายได้ 72,000 ล้านบาทต่อปี ไม่รวมบ่อนพนันจากเว็บไซต์อีก 100 เว็บ มีรายได้ 12,000-24,000 ล้านบาทต่อปี
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องมีบ่อนถูกกฎหมายกระจายไปตามเมืองหลัก เมืองรอง โดยให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพทำเอง เน้นให้คนต่างชาติมาเล่น จะเป็นทางรอดให้ประเทศขณะนี้ จากนั้นที่ประชุมได้เปิดให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง
"ต่อให้เราไม่ออกกฎหมาย เขาก็ทำอยู่ แต่เงินดังกล่าวจะเป็นเงินใต้ดิน เป็นเงินนอกระบบ เงินดังกล่าวเอาไปใช้ผิดกฎหมาย ใช้วิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ เอาไปเป็นทุนสนับสนุนพรรคการเมือง นักการเมือง" นายมงคลกิตติ์กล่าว
ขณะที่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่เสนอเปิด Entertainment Complex ที่ กทม. ว่า รัฐบาลไม่ต้องลงทุน แค่อนุญาตให้เปิดได้ จะมีกลุ่มทุนใต้ดินมาอยู่บนดิน ร่วมกับกลุ่มทุนต่างประเทศมาลงทุนทำสถานบันเทิงครบวงจร คนที่เข้าไปเล่นบ่อนกาสิโนได้ต้องอายุเกิน 21 ปี มีเงินในบัญชีเกิน 1 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอตั้งสถานบันเทิงครบวงจร มีบ่อนกาสิโน ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเมกะโปรเจกต์สร้างเงิน สร้างงานให้ประเทศ
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ในฐานะประธานการระชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ทั้ง 12 ญัตติ และได้เสนอให้ใช้ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อที่ 88 ให้ตั้งคณะ กมธ.โดยไม่ต้องมติจากที่ประชุม
แต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ คัดค้านว่า ควรจะให้ที่ประชุมลงมติ เพราะเป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่ต่อวัฒนธรรมและจริยธรรมของสังคมไทย อีกทั้งยังมีประชาชนบางกลุ่มไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว
ท้ายที่สุดที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบให้ตั้ง กมธ. ด้วยคะแนน 310 ต่อ 9 งดออกเสียง 10 สียง จากจำนวนสมาชิกทั้งหมด 329 คน โดยได้ตั้งคณะ กมธ.เพื่อแปรญัตติฯ ซึ่งมีทั้งสิ้น 60 คน แบ่งเป็นสัดส่วนกรรมาธิการจาก ครม. 15 คน และจากพรรคการเมืองต่าง ๆ อีก 45 คน โดยพรรคเพื่อไทย 13 คน พรรคพลังประชารัฐ 11 คน พรรคภูมิใจไทย 6 คน พรรคก้าวไกล 5 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน พรรคเสรีรวมไทย 1 คน พรรคประชาชาติ 1 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 คน และพรรคเพื่อชาติ 1 คน โดยให้ใช้เวลาศึกษาทั้งสิ้น 90 วัน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงประเด็นการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายเพื่อดึงนักเที่ยวเที่ยวเข้าประเทศว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด เนื่องจากว่าเป็นการเริ่มต้น เข้าใจว่าเพิ่งตั้ง กมธ.เพื่อศึกษาก่อน
หากมองในมุมของการท่องเที่ยว ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มตัวเลือกจุดขาย หรือสินค้าประเภทหนึ่งสำหรับการดึงดูดนักท่องเที่ยว เหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่มีข้อจำกัดเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ เช่น สิงคโปร์ หรือมาเก๊า จึงต้องมีสถานบันเทิงครบวงจรเป็นจุดขาย
สำหรับประเทศไทย ต้องยอมรับว่าจุดขายหลักในการท่องเที่ยว คือ แหล่งธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นอุทยาน ชายหาด ภูเขา เป็นต้น แต่ธรรมชาติก็อาจจะได้รับผลกระทบหรือถูกทำลายได้จากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก
แต่ถ้าประเทศไทยมีสิ่งที่เรียกว่า สถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งรวมถึงกาสิโนด้วย ก็จะเป็นการเพิ่มตัวเลือกสินค้าให้กับนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลีย ที่แม้จะมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเยอะ แต่ก็มีสถานบันเทิงแบบครบวงจรด้วยเช่นกัน
“เราใช้คำ Entertainment Complex หมายถึงว่าไม่ได้เปิดเฉพาะกาสิโนอย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมไปถึงการเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น โรงแรม โรงละครการแสดง ตัวอย่างเช่น ลาสเวกัส ที่ไม่ได้มีเพียงแค่กาสิโนอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีโรงละครสำหรับจัดการแสดงระดับโลก และร้านอาหารอีกด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทางการเงิน มีกำลังการใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง การที่ไทยมี Entertainment Complex ก็จะเป็นทางเลือกในการดึงนักท่องเที่ยวที่้มีคุณภาพเข้ามา” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
นายยุทธศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จะต้องไปศึกษาแนวคิดก่อนว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด อาจจะไม่ใช่สูตรสำเร็จ โดยการศึกษาโมเดลจากประเทศต่างๆ ถอดบทเรียน เรียนรู้ปัญหา และนำมาปรับแก้ไขให้เป็น ‘Thailand Entertainment Complex’ แต่ทั้งนี้ จะต้องศึกษาด้วยว่า นอกจากผลแประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังมีประเด็นอื่นๆ หรือผลกระทบอะไรในเรื่องของสังคมอีกหรือไม่
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ทางด้าน น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักเศรษฐศาสตร์อิสระ กล่าวแสดงความเห็นในหลักการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายว่า เห็นด้วยกับหลักการที่จะทำให้กาสิโนถูกกฎหมาย เพื่อเป็นการดึงนักเที่ยวสำหรับการสร้างรายได้ให้กับประเทศ
และข้อเท็จจริงเอง การพนันก็เป็นสิ่งที่คนไทยนิยมเช่นเดียวกัน มีทั้งเดินเดินทางไปเล่นกาสิโนที่ต่างประเทศ พูดง่ายๆ คือเป็นกิจกรรมที่มีคนทำเยอะ แต่พอเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในไทย ทำให้คนต้องหาวิธีหลบเลี่ยง
"การนำธุรกิจสีเทา ขึ้นมาบนดินนั้น ก็เป็นวิธีที่หลายประเทศก็ทำเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังช่วยในการลดการรั่วไหลของระบบภาษีด้วย แต่ต้องดูรายละเอียดอีกที เพราะมีประเด็นที่ต้องดูแลให้ดี" น.ส.สฤณี กล่าว
น.ส.สฤณี กล่าวถึงประเด็นที่ต้องดูแลกวดขัน และให้ความสำคัญในประเด็นศีลธรรม ที่เกรงว่าเยาวชนจะเข้าถึงอบายมุขได้ง่ายมากขึ้น ในส่วนนี้ ก็จะคล้ายกับกรณีผับ บาร์ สถานบันเทิงที่จะต้องมีการกวดขันจำกัดอายุสำหรับผู้เข้าใช้บริการ
นอกจากนี้ ในส่วนของโครงสร้างการบริหารจัดการ ก็เป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้น จะอาจจะซ้ำรอยกับกรณีของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ตกเป็นเป้าถูกเพ่งเล็งและโจมตีมาหลายสิบปี ว่าเป็นแหล่งสำหรับการหาผลประโยชน์ เป็นขุมทรัพย์นักการเมือง-ข้าราชการหรือไม่
ฉะนั้น จะต้องมีการออกแบบวางโครงสร้างกลไกการบริหาร จะต้องรัดกุม มีการถ่วงดุลอำนาจ ธรรมภิบาล สามารถตรวจสอบความโปร่งใสเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งหาผลประโยชน์ หรือช่องทางฟอกเงินให้กับกลุ่มบุคคลใด
จะต้องติดตามต่อไปว่า ข้อท้าทายของการนำธุรกิจสีเทาอย่างกาสิโนขึ้นมาสู่บนดินอย่างถูกกฎหมายนั้น จะเป็นอย่างไรต่อไป คนในสังคมจะยอมรับหรือไม่ เพราะประเด็นนี้คาบเกี่ยวระหว่างศีลธรรมกับผลประโยชน์ประเทศ
น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักเศรษฐศาสตร์อิสระ