“..การออกระเบียบการเกี่ยวกับมาตรฐาน SHA นั้น เวลาการเปิดให้ยื่นขอกับเวลาเปิดประเทศไม่สอดคล้องกัน เมื่อเปิดประเทศแล้ว แต่ไม่เปิดธุรกิจกลางคืนก็ไม่ได้ แต่ในส่วนนี้ร้านต่างๆ ต่างก็ดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ไม่มีการแสดงดนตรีสด ส่วนเรื่องการเปิดเพลงก็เร็วบ้าง ช้าบ้าง จุดประสงค์คือ ให้ลูกค้านั่งแล้วสนุก ดีกว่าอยู่บ้าน ออกมาผ่อนคลาย..”
1 สัปดาห์ หลังจากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 61 ประเทศ 2 พื้นที่ เข้าสู่ประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว ถ้าได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศย่านถนนข้าวสาร และเยาวราช พูดคุยกับผู้ประกอบต่างๆ มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
ธุรกิจกลางคืน แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว
นายบอย ผู้จัดการร้านบัวสอาด ร้านอาหารกึ่งผับบาร์ในซอยรามบุตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์หลังจากการประกาศผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทศมาแล้ว 1 สัปดาห์ว่า บรรยากาศโดยรอบในละแวกซอยรามบุตรี ถนนข้าวสาร หลายกิจการร้านค้าต่างก็ทยอยกลับมาเปิด แต่ก็ไม่ดีเท่าที่ควร หลายร้านที่กลับมาเปิดกิจการต่อ เพราะถ้าปิดไปก็ไม่มีรายได้ มีแต่ศูนย์ อยู่ต่อไม่ได้ ฉะนั้นจึงต้องเปิดเพื่อเดินหน้าต่อ
สถานการณ์ต่างๆ โดยรวมถือว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 แต่ถ้านับว่าดีขึ้นจากหลายๆ ปีที่ผ่านมาหรือไม่ คำตอบคือไม่ สภาพเศรษฐกิจตกลงไปเยอะมาก บางกิจการต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานเพียงครึ่งเดียว เพื่อให้กิจการดำเนินต่อไปได้ ส่วนนักท่องเที่ยวเริ่มเยอะขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนไทย แต่ลูกค้าต่างชาติก็เริ่มมีบ้างแต่ก็น้อย เพราะเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน
นายบอย กล่าวว่า อยากให้ขยับขยายเวลาอนุญาตการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากเดิมที่อนุญาตให้ขายถึงเวลา 21.00 น. เป็นสักประมาณ 22.00 -23.00 น. กำลังดี เพราะธุรกิจกลางคืนเป็นแหล่งทำเงินให้ประเทศที่ผ่านมาก็ทำเงินเยอะๆ แต่ทุกคนมองไม่เห็น ถ้าไม่มีธุรกิจกลางคืน ถึงเปิดประเทศไป ก็ไม่มีใครเข้ามาเที่ยว
“หลังจากเปิดประเทศมา 1 สัปดาห์ ลูกค้าก็ยังไม่เต็มที่ เราก็พยามบอกกับลูกค้าว่า การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีขอบเขตอยู่ที่ 3 ทุ่ม โดยประมาณ 2 ทุ่ม 45 นาที ทางร้านก็เริ่มจะเคลียร์ลูกค้า ไม่ให้สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อ อนุญาตให้นั่งกินได้ถึงแค่ 3 ทุ่ม ถ้าเครื่องดื่มเหลือก็อาจจะอนุโลมให้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง แต่หากลูกค้าไม่ลุกออกจากร้าน เราก็ไปว่าไม่ได้ เพราะเราเปิดร้านในรูปแบบร้านอาหาร” นายบอยกล่าว
นายบอย กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องมาตรฐาน SHA นั้น ทางร้านได้มีการดำเนินการขออนุญาตไปตั้งแต่สิ้่นเดือน ต.ค. ที่มีประกาศให้ยื่นเอกสาร โดยเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจมาตรการต่างๆ ที่ร้านแล้ว แต่ยังไม่ได้รับตราสัญลักษณ์ เนื่องจากมีกิจการยื่นขออนุญาตหลายพันร้าน ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะทำตามกระบวนการทั้งหมด ซึ่งหากร้านได้สัญลักษณ์มา ก็จะได้เป็น SHA+ เพราะพนักงานในร้านทุกคนได้รับวัคซีนครบหมดแล้ว
“การออกระเบียบการเกี่ยวกับมาตรฐาน SHA นั้น เวลาการเปิดให้ยื่นขอกับเวลาเปิดประเทศไม่สอดคล้องกัน เมื่อเปิดประเทศแล้ว แต่ไม่เปิดธุรกิจกลางคืนก็ไม่ได้ แต่ในส่วนนี้ร้านต่างๆ ต่างก็ดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ไม่มีการแสดงดนตรีสด ส่วนเรื่องการเปิดเพลงก็เร็วบ้าง ช้าบ้าง จุดประสงค์คือ ให้ลูกค้านั่งแล้วสนุก ดีกว่าอยู่บ้าน ออกมาผ่อนคลาย” นายบอย กล่าว
นายบอย เล่าถึงปัญหาและข้อกังวลที่พบว่า ปัญหาคือเรื่องการลงตรวจเพื่อกำชับเรื่องมาตรการของเจ้าหน้าที่มาบ่อย ซึ่งทางร้านรักษามาตรการและทำตามระเบียบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้อกังวลในการเปิดประเทศครั้งนี้ ตนคิดว่าไม่น่ากังวลเท่ารอบแรกและรอบสองที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่ตอนนี้ทุกคนได้รับวัคซีนแล้ว เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และรับรู้ถึงมาตรการต่างๆ รวมถึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะทุกคนเข้าใจทุกฝ่าย เพราะหากถ้าเกิดการติดเชื้อขึ้นมา ก็จะลำบากกันหมด ทั้งนี้ ตนคิดว่า SHA ไม่มีสำคัญเท่าไหร่ เพราะสิ่งสำคัญคือระเบียบวินัย ต่อให้ขอ SHA มาแต่ไม่มีระเบียบวินัยก็เดท่านั้น ก็แล้วแต่มาตรการของแต่ละร้าน
“ตอนนี้ลูกค้าทุกคนรู้กันหมดแล้วว่า ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร อย่างเช่น ร้านปิดเร็ว ก็เดินทางมาเร็วขึ้น ตนว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ในอีกด้านหนึ่ง การจราจรใน กทม. รถติด กว่าจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลา ซึ่งน่าเห็นใจทั้งสองฝ่ายทั้ง ร้านค้า ลูกค้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน” นายบอย กล่าว
นายบอย กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือระเบียบวินัย การรักษามาตรการป้องกันตนเอง ต่อให้ร้านได้มาตรฐาน SHA มา แต่ไม่มีระเบียบวินัยก็เท่านั้น ฉะนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับมาตรการของแต่ละร้านว่าจะเข้มข้นและมีวินัยมากแค่ไหน ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุไม่คาดคิดเหมือนกับคราวที่ผ่านมา
นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 15% ส่วนใหญ่เป็นคนไทย
นายประพจน์ มีเจริญ เจ้าของร้านถักผม Hot Hena ถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า หลังเปิดประเทศมาแล้ว 1 สัปดาห์ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาประมาณ 15% ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย และเป็นชาวต่างชาติใหม่ๆ เข้ามาประมาณ 10% ถือว่าไม่ได้มากหนัก เพราะเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน
“ตั้งแต่เปิดประเทศมา มีลูกค้าต่างชาติทุกวัน อย่างน้อยก็วันละ 2-3 คน ส่วนเรื่องรายได้ ถือว่าค่อนข้างดี ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ สามารถอยู่ได้เลย” นายประพจน์ กล่าว
นายประพจน์ เล่าว่า ถนนข้าวสารมีการตั้งจุดคัดกรอง 2 จุด ทั้งต้นและท้ายถนน มีการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาทั้งชาวไทยและต่างชาติ สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบสองโดส ก็จะมีการตรวจหาเชื้อด้วยชุด ATK ก่อน ถ้าผลเป็นผลถึงจะเข้ามาได้ ทำให้ตนรู้สึกไม่กังวลเนื่องจากมีการคัดกรอง และต่างคนต่างป้องกันตนเอง
“สิ่งที่กลัวเรื่องเดียว คือ กลัวจะมีคำสั่งปิดอีก ถ้าปิดจะได้รับผลกระทบเยอะมาก เพราะช่วงล็อกดาวน์ประเทศที่ผ่านมา ขาดรายได้ แต่ต้องเปิดร้านทุกวัน แม้ไม่มีลูกค้า ต้องไปทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหารายได้” นายประพจน์
นายประพจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนคิดว่าการเปิดประเทศครั้งนี้ ก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ แต่ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรสำหรับร้านนั่งดื่ม เพราะอากาศถ่ายเท มีการเว้นระยะห่าง จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ต่างจากผับบาร์ที่ปิดทึบ อากาศไม่ถ่ายเท
โควิดยังน่ากังวล ยังไม่เปิดรับลูกค้าวอล์ก อิน
นายโอ๊ต ช่างสักลายประจำร้าน Inkaddict Tattoo เปิดเผยว่า บรรยากาศในซอยรามบุตรีคึกคักขึ้นมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนที่บริเวณนี้จะเงียบเหงา ไม่มีแม้แต่ไฟเพราะไม่มีร้านไหนเปิด
ส่วนเรื่องการรับลูกค้า นายโอ๊ต กล่าวว่า ปัจจุบันทางร้านยังไม่เปิดรับลูกค้าวอร์ก อิน เพราะยังมีความกลัวและกังวลเกี่ยวกับโรคอยู่ ฉะนั้น ลูกค้าปัจจุบันจะมาจากช่องทางออนไลน์ทั้งหมด เป็นการจองนัดหมายผ่านเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่ลูกค้ากว่า 90% เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่วอร์ก อินเข้ามา แต่ทั้งนี้ หากมีลูกค้าวอร์ก อินเข้ามา จะเป็นการพูดคุย และนัดหมายวันสักลายอีกที
“ไม่มีความกังวลในการเปิดประเทศครั้งนี้ เพราะกังวลว่าจะไม่มีงานทำมากกว่า ส่วนการเปิดประเทศครั้นนี้จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีหรือไม่ ก็ยังตอบไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีคลัสเตอร์ใหม่ขึ้นมาหรือเปล่า แต่ก็ถึงเวลาที่ต้องเปิดแล้ว เพราะปิดมาแล้ว 4 รอบ” นายโอ๊ต กล่าว
ต้องใช้ชีวิตตามปกติ แต่ต้องไม่ประมาท
นายเอกชัย บรรจงทรัพย์ เจ้าของร้านโจ๊ก 9 หม้อ บางลำพู กล่าวว่า สถานการณ์ต่างในย่านข้าวสารเริ่มดีขึ้น คึกคักมากขึ้น ตั้งแต่มีคำสั่งประกาศอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีนักท่องเที่ยว ลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเป็นจำนวนมากต่างจากเมื่อก่อน ส่วนชาวต่างชาติก็เริ่มเห็นบ้าง แต่ไม่ได้เยอะมาก
ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่รัฐลงมาตรวจเกี่ยวกับมาตรการสาธารณสุขต่างๆ ที่ร้านค้าในย่านนี้บ้าง แต่ไม่ได้บ่อยมากนัก ซึ่งพนักงานที่ร้านทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วทุกคน จึงไม่เป็นที่น่าเป็นห่วงหรือกังวลอะไร
“บริเวณข้าวสารตรงนี้ เป็นแหล่งที่เที่ยว ถ้าไม่มีการขายแอลกอฮอล์ เต้นรำ สถานบันเทิง ก็คงจะเงียบเหงาไม่ต่างจากที่อื่น จุดเด่นของย่านนี้ คือสถานบันเทิง สถานที่เที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ก็จะกลับมาครึกครื้น” นายเอกชัย กล่าว
นายเอกชัย เปิดเผยถึงข้อกังวล ว่า กลัวว่าจะมีคำสั่งปิดอีก หากเกิดการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ ซึ่งตนไม่อยากให้ปิดอีก เพราะจะทำให้ขาดรายได้ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้ทุกคนไม่ต้องกลัวเหมือนเก่า ให้ใช้ชีวิตปกติไป แต่ก็อย่าประมาท เพราะเราต้องอยู่กับโรคนี้ให้ได้ ต้องป้องกัน ถ้าเรามัวแต่ปิดประเทศ ทุกอย่างก็จะเดินต่อไม่ได้
คึกคักบ้าง แต่ 3 ทุ่ม ก็เงียบแล้ว
นางนวพร เจ้าของร้านผัดไทยโอเค เยาวราช เล่าให้ฟังถึงบรรยากาศย่านเยาวราช ว่า บรรยากาศเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้นหลังเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติบ้าง แต่เมื่อถึงช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ก็เริ่มเงียบแล้ว ทำให้ตนเริ่มเก็บร้านเวลาประมาณ 4 ทุ่ม จากปกติร้านเปิดถึง 5 ทุ่ม ส่วนเรื่องยอดขายนั้น ถือว่ายังไม่ดีมากนัก แต่ก็ถือว่าดีขึ้นนิดหน่อยกว่าช่วงล็อกดาวน์ปิดประเทศที่ผ่านมา
“อาทิตย์ที่ผ่านมา มีลูกค้าจ่างชาติเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น แต่คิดว่าเดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น เพราะเพิ่งเปิดประเทศเอง นักท่องเที่ยวยังเดินทางมาไม่เยอะ ไม่รู้ว่าเพราะอาจจะยังกลัวหรือกังวลอยู่หรือเปล่า ทั้งชาวต่างชาติและคนไทย” นางนวพร กล่าว
โรงแรมคุมเข้มมาตรการคัดกรอง-ตรวจเชื้อเป็นประจำ
น.ส.เพน พนักงานประสานงานการตลาด และบาร์เทนเดอร์ ผู้ดูแลบาร์โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์หลังเปิดประเทศว่า ทางเราเป็นธุรกิจโรงแรม แม้จะไม่ได้อยู่ในย่านยอดนิยมของชาวต่างชาติ แต่หลังจากการเปิดประเทศ ลูกค้ากลุ่มชาวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้บรรยากาศภายในโรงแรม รวมถึงร้านอาหารและบาร์บริเวณใกล้เคียง มีความคึกคักมากขึ้น โดยรวมแล้วยังไม่สามารถเทียบเท่ากับช่วงก่อนที่จะมีเหตุการณ์ปิดประเทศ แต่อย่างไรตาม ตนคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงเวลาในการอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่สั้นลง
น.ส.เพน กล่าวด้วย ว่า ทางโรงแรมได้มีการกวดขันคุมเข้มมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งในเรื่องการให้วัคซีนกับพนักงานทุกคน และการตรวจคัดกรองหาเชื้อด้วย ATK เป็นประจำ รวมถึงการคัดกรองลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการด้วย เช่นเดียวกับการให้บริการเช่าสถานที่สำหรับกองถ่ายและการจัดกิจกรรมที่ต้องมีการรวมตัว
“โรงแรมให้ความสำคัญกับเรื่องการคัดกรอง จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ และความสะอาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากหากมีการเกิดผู้ติดเชื้อมาจากทางโรงแรมจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจโดยรวมได้ และสำคัญที่สุด คือ พนักงานคงไม่สามารถหยุดงานได้อีกต่อไป เนื่องจากขาดรายได้” น.ส.เพน กล่าว
น.ส.เพน กล่าวด้วยว่า สิ่งที่น่ากังวลที่สุด คือ การไม่สามารถควบคุมและจัดสรรวัคซีนได้อย่างเพียงพอของรัฐบาล จนอาจทำให้เกิดเหตุการณ์วนซ้ำเดิมอีกครั้ง
ซอกซอยที่ทะลุได้ อีกช่องทางเลี่ยงการคัดกรอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม การตั้งจุดคัดกรองในย่านบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อาจจะยังไม่ครอบคลุม หรือได้ประสิทธิภาพมากหนัก เนื่องจากพื้นที่บางแห่งก็ยังช่องทางอื่นๆ เช่น ตรอก ซอก ซอย ที่สามารถเดินทางทะลุเข้าไปได้เช่นกัน ซึ่งอาจจะเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อจนกลายเป็นคลัสเตอร์ได้ในอนาคต
ทั้งหมดนี้ คือเสียงสะท้อนและภาพรวมของผู้ประกอบการกิจการต่างๆ ทั้งร้านอาหารกลางคืน สตรีทฟู้ด ร้านสักลาย รวมถึงพนักงานโรงแรม หลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage