อนุทิน มอบ สปสช. พร้อมหนุนหน่วยบริการรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่ ครอบคลุมบริการคัดกรอง ตรวจวินิจฉัย รักษาพยาบาล เผย สปสช. ติดตามประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง ดูแลประชาชนช่วงวิกฤตสาธารณสุข
..............................
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ได้กระจายวงกว้างไปทั่วประเทศขณะนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้ห่วงใยประชาชนและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมมอบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. เตรียมพร้อมด้านงบประมาณในการสนับสนุนการให้บริการกรณีโควิด-19 ของหน่วยบริการทั่วประเทศ ทั้งด้านการรักษาพยาบาล การคัดกรองเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อที่เป็นการป้องกันและควบคุมโรค
งบประมาณที่ สปสช. จัดเตรียมเพื่อดูแลกรณีโควิด-19 ในปีงบประมาณ 2564 นี้ เป็นการดำเนินการตามแผนการต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2563 ครอบคลุมการรักษาพยาบาลทั้งกรณีผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ตั้งแต่การตรวจห้องปฏิบัติการยืนยันการติดเชื้อที่รวมค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) สำหรับบุคลากรห้องปฏิบัติการยืนยันการติดเชื้อและบุคลากรเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ค่าห้องควบคุมปลอดเชื้อหรือห้องดูแลการรักษารวมค่าอาหาร หอผู้ป่วยเฉพาะกิจโควิด-19 ยารักษาเฉพาะผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 และค่าพาหนะรับส่งต่อผู้ป่วยระหว่างหน่วยบริการ โดยครอบคลุมทั้งที่โรงพยาบาลที่เป็นหน่วยบริการร่วมกองทุนบัตรทองและโรงพยาบาลสนาม
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า การดูแลกรณีโควิด-19 ภายใต้กองทุนบัตรทองนี้ได้รวมถึงการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันการติดเชื้อที่มีวัตถุประสงค์ดำเนินการเชิงรุกในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดครอบคลุมให้กับประชาชนทุกสิทธิและผู้ที่รับบริการในสถานกักกันในโรงพยาบาล (Hospital Quarantine) ตามหลักเกณฑ์ผู้สงสัยเฝ้าระวัง (Patient Under Investigation : PUI) ของกรมควบคุมโรค ซึ่งที่ผ่านมามีประชาชนเข้ารับบริการต่อเนื่อง
“ขณะนี้แม้ว่าท่านอนุทินจะอยู่ในช่วงกักตัว 14 วัน ตามหลักเกณฑ์เพื่อเฝ้าระวังโรคก็ตาม แต่ท่านก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องที่บ้าน และได้มอบให้ สปสช. ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สนับสนุนหน่วยบริการดูแลประชาชนกรณีโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา สปสช. ได้มีการประเมินและจัดเตรียมแผน งบประมาณต่างๆ เพื่อรองรับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ไว้แล้ว” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ในการรับมือสถานการณ์โควิด-19 ปีงบประมาณ 2564 นี้ นอกจากงบประมาณกองทุนบัตรทองกรณีโควิด-19 ที่คงเหลือจากปีงบประมาณ 2563 กว่า 400 ล้านบาทแล้ว สปสช. ยังได้รับจัดสรรงบเพิ่มเติมจาก พรก.เงินกู้ฯ อีกจำนวนเกือบ 3 พันล้านบาท เป็นงบที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการกองทุนบัตรทองในระบบตามปกติ ดังนั้นขอให้คนไทยทุกคนมั่นใจได้ ด้วยงบประมาณและแผนการบริหารจัดการเพื่อรองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 นี้ จะทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการคัดกรองและการรักษาพยาบาลกรณีโควิด-19 ที่จำเป็นได้อย่างทั่วถึง
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า นอกจากงบประมาณเฉพาะที่เป็นการจัดสรรเพื่อเบิกจ่ายในกรณีโควิด-19 แล้ว ภายใต้กองทุนบัตรทองยังมีกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) ที่เป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และ สปสช. ในการดำเนินงานกิจกรรมโครงการที่มุ่งป้องกันและส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค โดย อปท. สามารถนำงบจากกองทุนนี้มาใช้เพื่อร่วมป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ได้ ซึ่งปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมามี อปท. 394 แห่ง ที่ร่วมจัดทำโครงการป้องกันโควิด-19 เป็นจำนวน 817 โครงการแล้ว พร้อมนี้ สปสช. ยังได้ทำหนังสือถึงกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อขอความร่วมมือแจ้ง อปท. ที่ร่วมจัดตั้ง กปท. นำกลไก กปท. มาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในพื้นที่