มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ลงนามถวายพระพร และจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระกุศลในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ
เมื่อวันที่ 25 ม.ค.66 เวลา 13.00 น. บริเวณชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษาและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย พร้อมคณะกรรมการ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ทีมเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) และทีมเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) อาสา ปฏิบัติการภัยพิบัติ ถวายแจกันดอกไม้และร่วมลงนามถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน
จากนั้นเวลา 15.00 น. ภายในพระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระกุศลในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ในการนี้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม และเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษาและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยกรรมการ คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ทีมเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ทีมเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) อาสา ปฏิบัติการภัยพิบัติ เข้าร่วมในพิธีพระสงฆ์ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นประธานในพิธีและกรรมการมูลนิธิฯ ถวายผ้าไตรและจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 ชุด ตลอดพิธีการ คณะกรรมการ ผู้บริหาร ตลอดจนเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ทั้งหมด พร้อมใจร่วมสวดมนต์เจริญจิตภาวนาถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ดำเนินงานมา 27 ปี ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างครบวงจรและยั่งยืน ตั้งแต่การเฝ้าระวังก่อนเกิดอุทกภัย การบรรเทาทุกข์ระหว่างเกิดอุทกภัย และการฟื้นฟูหลังเกิดอุทกภัย ตามพระนโยบาย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ดำรงตำแหน่งองค์ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ให้ยกระดับการทำงานของมูลนิธิฯ เพื่อมุ่งสู่การเป็น “ศูนย์กลางการเป็นเลิศด้านการบรรเทาทุกข์ และการจัดการภัยพิบัติอันเกิดจากอุทกภัย “Center of Excellence in Flood Relief and Management)”