รพ.สัตว์เลี้ยงเผยวิธีการใช้ยาหยอดหมัดแมวให้ได้ผล-หลักการแก้ไขปัญหาปรสิตและหมัด จากการหนีเที่ยวของแมว
สำหรับคนที่เลี้ยงแมว โดยเฉพาะเลี้ยงแบบเปิด หรือแบบปล่อยให้ไปวิ่งเล่นกับพื้นดิน หรือสำรวจโลกกว้าง คงจะมีปัญหาเรื่องเห็บหมัดบ่อย ๆ หรือแม้แต่แมวที่เลี้ยงในบ้าน ก็อาจจะมีปัญหาเห็บหมัดได้ ทำให้หลายคนจะต้องใช้ยาหยอดหมัดแมวเป็นประจำ วันนี้เราจะขอมาอัปเดตความรู้เกี่ยวกับยาหยอดหมัดแมวสำหรับทาสแมวมือใหม่และมือเก่ากัน
ยาหยอดหมัดแมวคืออะไร
ยาหยอดหมัดแมวเป็นยาหยด ที่เอาไว้หยอดที่บริเวณหลังคอของน้องแมว ซึ่งเป็นบริเวณที่น้องแมวเลียไม่ถึง ซึ่งหลังจากหยอดยาแล้ว ตัวยาจะค่อย ๆ ซึมและกระจายไปยังชั้นไขมันของแมว และฆ่าหมัดและปรสิตที่เกาะอยู่ตามตัวให้หมดไป ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการกำจัดหมัดแมวที่มีประสิทธิภาพและนิยมใช้กัน สาเหตุหลัก ๆ เลยที่เจ้าของและสัตวแพทย์นิยมให้ใช้ยาหยอดหมัดแมวก็เพราะว่า แม้ว่าจะเป็นยาฆ่าหมัด แต่ก็มีผลข้างเคียงต่อน้องแมวน้อยมาก จึงมีเป็นวิธีที่ได้ผล และมีความปลอดภัยสูงนั่นเอง
เราสามารถหยอดเองได้ไหม
ที่จริงแล้วทาสแมวทั้งหลายสามารถหยอดยาหมัดแมวเองได้ โดยสามารถซื้อได้ที่คลินิกรักษาสัตว์ หรือว่าซื้อตามร้าน Pet Shop ทั่วไป ที่มีสัตวแพทย์คอยให้คำปรึกษา โดยให้อ่านคำแนะนำโดยละเอียด เรื่องสำคัญที่เราจะต้องรู้คือ แมวแต่ละตัวใช้ปริมาณยาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของน้องแมว ดังนั้น ก่อนที่จะหยดยา เราควรจะชั่งน้ำหนักน้องแมว จากนั้นค่อยคำนวณดี ๆ หากว่าไม่แน่ใจให้ปรึกษาสัตวแพทย์ นอกจากนี้เรื่องที่ต้องระวังเวลาหยดยาก็คือ หากว่าเราเลี้ยงแมวหลายตัว เราต้องกันไม่ให้ตัวอื่น ๆ มาเลียยาที่ขนตัวอื่น เพื่อป้องกันอันตรายนั่นเอง
ข้อควรระวังอื่น ๆ
สิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งก็คือ ยาหยอดหมัดแมวปลอม ซึ่งมีทาสแมวหลายคนซื้อด้วยความไม่รู้ เพราะเห็นว่าราคาถูก ซึ่งโดยทั่วไปยาจะไม่เป็นอันตรายต่อน้องแมว ตราบเท่าที่เป็นยาที่ได้รับการรับรองแล้วว่าปลอดภัย แต่ยาปลอมนั้นจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของน้องแมวโดยตรง เราจึงควรให้ความระมัดระวัง และตรวจสอบให้ดี ทางที่ดีควรเลือกซื้อที่ร้านที่ไว้ใจได้จะดีกว่า
ต้องหยอดถี่แค่ไหน
ยากหยอดหมัดแมว เมื่อเราใช้ครั้งหนึ่งฤทธิ์ของยาจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 เดือน แต่หากว่าใครเลี้ยงแมวในบ้าน ก็อาจจะทิ้งระยะนานกว่านั้นก็ได้เช่นกัน
นอกจากการใช้ยาหยอดหมัดแมวแล้ว ทาสแมวบางคนก็ใช้ปลอกคอแมวป้องกันหมัด เป็นการช่วยป้องกันปรสิตที่มาเกาะตามตัวน้องแมวอีกทางหนึ่ง ซึ่งก็จะช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้