ยธ.แถลงผลผ่าชันสูตรศพ "ลันลาเบล" รอบ 2 หลัง "พ่อ-แม่" ยังคาใจ 4 ประเด็น ชี้ผลตรวจนิติเวชสอดคล้องนิติจุฬาฯ ส่งผลตรวจทั้งหมดให้ พงส.แล้ว เผยคดี "บิลลี่" คืบหน้า 90% ตั้ง "ปกรณ์" สางต่อ คาดต้น พ.ย.ชัดเจน ประสานอิตาลี ขอราคา "มาเซราติ" หากพบสำแดงต่ำกว่าปกติ อาจถูกดำเนินคดี
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ต.ค. 2562 ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักช์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการเสียชีวิตของ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ "ลันลาเบล" ซึ่งทางพ่อแม่ของผู้ตายร้องขอให้ช่วยตรวจชันสูตรศพลูกสาวอีกครั้ง เนื่องจากยังมีความสงสัยในประเด็นการเสียชีวิต ว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการผ่าชันสูตรซ้ำอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติศูนย์รังสิต
โดย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชจากสถาบันต่างๆ เข้าร่วมให้ความเห็น 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย แพทย์นิติเวชจาก รพ.รามาธิบดี รพ.ราชวิถี และ รพ.ตำรวจ ซึ่งทางคณะทำงานได้นำผลชันสูตรจาก รพ.จุฬาลงกรณ์ มาประกอบการพิจารณา และทำการตรวจสอบเพิ่มเติม เฉพาะในประเด็นที่ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังติดใจสงสัย
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า โดยผลการตรวจพิสูจน์ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะเน้นในเรื่องการหาสารพิษและสารเสพติดในร่างกาย การตรวจหาสารพันธุกรรม และร่องรอยการถูกทำร้ายหรือถูกล่วงละเมิดตามข้อสงสัยของผู้เสียหาย โดยผลที่ได้มีความสอดคล้องกันกับผลการตรวจชันสูตรครั้งแรกของทางแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์
ด้าน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่า พ่อแม่ของ น.ส.ธิติมา ขอให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจชันสูตรข้อข้องใจทั้งหมด 4 ประเด็น คือ การตรวจหาสารพิษในร่างกาย การตรวจหาสารเสพติด การตรวจสอบบาดแผล และการทำซีทีสแกนทั้งร่าง ซึ่งผลการตรวจของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์สอดคล้องกันการตรวจของแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาทั้งหมด และทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้จัดทำรายงานตรวจชันสูตรศพ และส่งให้กับพนักงานสอบสวนไปดำเนินการต่อแล้วเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ "บิลลี่" แกนนำกระเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย นั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สนธิกำลังร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำเฮลิคอปเตอร์ทำการบินสำรวจพื้นที่เกิดเหตุในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อเชื่อมโยงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่เกิดเหตุ จำลองเหตุการณ์เพื่อตรวจสอบสภาพภูมิประเทศจากภาพมุมสูง จำนวน 6 จุด ได้แก่ ห้วยคมกฤต, ด่านเขามะเร็ว, บริเวณแยกหนองมะค่า, ไร่ชัยราชพฤกษ์, บริเวณสะพานแขวน และพื้นที่ "ใจแผ่นดิน" ขณะเดียวกันได้เดินทางไปบ้านป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อพบ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ "มึนอ" ภรรยาของนายบิลลี่ ซึ่งถือเป็นผู้เสียหายหรือเหยื่ออาชญากรรม เพื่อแจ้งสิทธิ์ให้ทราบเกี่ยวกับ "ข้อมูลความคืบหน้าในคดี" ตามกระบวนการคุ้มครองสิทธิ์ของผู้เสียหายตามหลักสากลด้วย
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ทางคดีมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% ซึ่งที่ผ่านมามีเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำไปแล้วกว่า 100 ปาก และขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาใช้ประกอบในคดี ส่วนผลการตรวจถังน้ำมัน ขนาด 200 ลิตร ที่ภายในมีชิ้นส่วนกระดูกของ นายบิลลี่ นั้น พบมีร่องรอยปรากฏที่ตัวถังเป็นรูขนาดเล็ก จำนวน 5 รู ที่เชื่อว่าเกิดจากการกระทำภายนอก เพื่อเป็นช่องทางให้ออกซิเจนไหลผ่านได้ รวมทั้งพบว่าถังเคยผ่านการทำความร้อนมาก่อน ซึ่งตรงกับผลตรวจชิ้นส่วนกระดูก นายบิลลี่ เช่นกัน
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นการโยกย้าย เพื่อไปรับตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ว่า การโยกย้ายในครั้งนี้ เกิดจากความเต็มใจของตน ส่วนที่หลายคนกังวลเกี่ยวกับความคืบหน้าคดีบิลลี่นั้น ขอให้มั่นใจในการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมทั้งมีการแต่งตั้งให้ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาติดตามคดี ส่วนตนนั้นทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาในคดีนี้ จนกว่าจะแล้วเสร็จ โดยคาดว่าทุกอย่างจะชัดเจนภายในต้นเดือน พ.ย.นี้
ขณะที่ ประเด็นของกลุ่มผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากการลงทุนในธุรกิจการเงินนอกระบบ หรือแชร์ลูกโซ่ พบว่า เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการสืบสวนของสอบสวนคดีพิเศษอยู่ก่อนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมกลุ่มผู้เสียหายให้ครบจำนวน 300 คน ส่วนกรณีอื่นๆ หากผู้เสียหายมายื่นเรื่องไม่ครบจำนวน 300 คน หรือมีมูลค่าความเสียหายไม่ถึง 100 ล้านบาท จะไม่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ
นอกจากนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ระบุถึงคดีรถหรู ยี่ห้อมาเซราติ รุ่นควอตโตรปอร์เต้ V8 ปี 2011 ของ "หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ" ดาราสาว ที่มีหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังตรงกับรถยนต์มาเซราติในบัญชีตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษย้อนหลัง 5 ปี รวมทั้งสิ้น 686 คัน ขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างการประสานขอราคาจากประเทศอิตาลี ซึ่งหากพบว่ามีการสำแดงราคาต่ำกว่าปกติ อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย.
ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1689523