“วิษณุ” ชี้กรณีตั้งราคา “เหล็กไหล” เว่อร์ อยู่ที่ ป.ป.ช.ตีราคา ย้ำหากไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์ เผยหากผลออกมาแจ้งเท็จ ก็ถือว่ามีความผิด ระบุกรณี “มนัญญา” อ้างได้รับยกเว้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ต้องให้ป.ป.ช.ชี้ ยันอะลุ่มอล่วย-ยื่นย้อนหลังได้ หากมีข้อสงสัยที่มีเหตุผล
วันที่ 23 กันยายน 2562 เวลา 12.30 น. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่มีมูลค่าเกินจริง จะมีผลอะไรต่อเจ้าตัวหรือไม่ว่า ตนไม่แน่ใจ แต่นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป.ป.ช.ออกมาให้ความเห็นถูกต้องว่า อันดับแรกต้องดูก่อนว่าของนั้นเป็นของจริงหรือไม่จริง มูลค่านั้นบางทีมันแล้วแต่ใจคนจะกำหนด แต่ก็แล้วแต่ว่าเป็นของจริงหรือไม่จริง ถ้าของไม่จริง แล้วไปตีราคาเว่อร์เกินไปก็คงไม่ได้ แต่ถ้าของจริงจะตีราคาเว่อร์หรือไม่เว่อร์ก็ค่อยเอาผู้เชี่ยวชาญมาดู ซึ่งก็เป็นดุลพินิจของป.ป.ช.ว่าจะเชื่ออย่างไร
“ในอดีตเคยมีอดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง (นายนิพัทธ พุกกะณะสุต) ที่มีเหรียญรัชกาลที่ 5 และมีการตีราคาขายไป 30 กว่าล้าน แต่ป.ป.ช.ไม่เชื่อในราคานี้ เพราะดูราคาในท้องตลาดแล้วมันไม่ใช่” นายวิษณุ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีเหล็กไหล จะนำราคาท้องตลาดจากตรงไหนมาเป็นตัววัด นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ก็คงไปเหนื่อยที่ป.ป.ช.เอง เจ้าของจะกำหนดอย่างไรก็ช่างเขา แต่คนที่สงสัยก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าราคามันเป็นอย่างไรกันแน่ เมื่อถามว่าการตั้งราคาที่เกินจริงจะเกี่ยวกับการฟอกเงินหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ
เมื่อถามว่าหากผลออกมาปรากฎว่าเกินจริงและชี้แจงทรัพย์สินเป็นเท็จ จะมีผลอะไรตามมาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า แน่นอน ตามกฎหมายป.ป.ช.ก็มีอยู่แล้ว ถ้าแจ้งเท็จก็ถือว่ามีความผิด แต่จำไม่ได้แล้วว่าจะต้องเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ “ขอสื่อช่วยย้ายไปถามป.ป.ช.หน่อย รู้สึกอะไรๆ ก็มาลงที่ไทยคู่ฟ้าหมด”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีทนายความประจำตัวของ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงถึงการที่ น.ส.มนัญญา ยังไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและต่อ ป.ป.ช. เนื่องจากพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี ไม่พ้น 1 เดือนก่อนเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณรับตำแหน่งรมช.เกษตรฯ จึงเข้าข่ายได้รับการยกเว้น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 105 ว่า เรื่องนี้ต้องให้ป.ป.ช.เป็นคนชี้ ซึ่งกฎหมายได้บอกไว้จริงว่าคนที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากดำรงตำแหน่งใหม่ภายใน 1 เดือนก็ไม่ต้องยื่น แต่ต้องยื่นตอนออกจากตำแหน่งอยู่ดี จึงตอบไม่ถูกว่าตำแหน่งนายกเทศมนตรีเป็นตำแหน่งที่มาต่อกับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งไม่น่าจะลำบากอะไร สามารถไปดูมาตรฐานว่าคนที่เคยดำรงตำแหน่งในท้องถิ่นแล้วมาเป็นส.ส.เขาต้องยื่นหรือไม่ หากพบว่าตำแหน่งไม่ต่อกันก็ต้องยื่น
เมื่อถามว่า ขณะนี้ล่วงเลยกำหนดเวลาในการยื่นบัญชีมาแล้ว จะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็กระทบ แต่อย่างไรเสียก็ต้องยื่น ตนคิดว่าเรื่องนี้อาจทำหนังสือแจ้ง ป.ป.ช.ได้ว่า เมื่อวินิจฉัยว่าต้องยื่น ก็พร้อมจะยื่นย้อนหลังไป ซึ่งเขาก็อะลุ่มอล่วยกันอยู่แล้วทั่วไปทุกคน โดยเรื่องนี้ถือเป็น reasonable doubt หรือความสงสัยที่มีเหตุผล และเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ก็เคยมีการถามกัน โดยคนที่เป็นส.ว.เคยถามว่าหากเคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)แล้ว จะต้องยื่นบัญชีหรือไม่ เพราะถือเป็นคนละสภา ซึ่งป.ป.ช.ก็ชี้แจงว่าไม่เป็นไร เพราะเป็นตำแหน่งทางการเมืองที่อยู่ในมาตราเดียวกัน ทั้งนี้ ทุกคนที่ได้รับยกเว้นเรื่องนี้ ก็ยื่นบัญชีตามกฎหมายป.ป.ช.ฉบับเก่าทั้งสิ้น เนื่องจากกฎหมายใหม่เพิ่งประกาศใช้เมื่อปี 2561 นี่เอง