อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงรายละเอียดการก่อสร้างคุก หลังมีคนร้องเรียน รมว.ยุติธรรมว่ามีการล็อกสเปก
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. จากกรณีมีผู้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถึงปัญหาโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างเรือนจำ 4 แห่งใน 4 จังหวัด คือ ระยอง นครนายก นครศรีธรรมราช และพัทลุง ว่ามีการล็อกสเปกอุปกรณ์และกลุ่มที่เข้ายื่นงานเท่านั้น และวานนี้ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้วนั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างเรือนจำมีองค์ประกอบอยู่ 2 อย่าง คือ 1. ตัวอาคารหรือโครงสร้าง และ 2.ระบบเสริมความมั่นคง เช่น ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ระบบควบคุมการเข้าออก (Access Control system),รั้วไฟฟ้าแรงสูง , และระบบตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อป้องกันผู้ต้องขังหลบหนี และป้องกันการลักลอบใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เคยมี
ดังนั้น ระบบเสริมความมั่นคงฯ จึงเป็นระบบที่สำคัญและเป็นหัวใจในการควบคุมผู้ต้องขัง อุปกรณ์เหล่านี้มีหลายยี่ห้อที่ผู้ประมูลจะสามารถนำมาเสนอได้
ผู้ร้องเรียนอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าราคาต่ำที่สุด คือผู้ชนะโดยมิได้สนใจในความต้องการของกรมราชทัณฑ์ ที่ต้องการระบบเสริมความมั่นคง นำมาควบคุมผู้ต้องขังให้ได้ประสิทธิภาพไม่เป็นภัยต่อสังคม การประกวดราคาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างฯ ทุกประการ และทุกขั้นตอนมีความโปร่งใสและยึดถือประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ
พ.ต.อ.ณรัชต์ ระบุอีกว่า กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่ายังไม่ได้รับคำสั่งหรือข้อสั่งการจากกระทรวงยุติธรรมให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด การออกข่าวในเชิงลบและตั้งธงว่าอาจจะมีการทุจริต อาจเป็นการชี้นำให้สังคมเข้าใจผิด ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ตลอดจนขวัญและกำลังใจของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคน
นอกจากนี้เบื้องหลังของการร้องเรียนดังกล่าว อาจเป็นความพยายามของผู้ไม่ชนะการประมูลบางรายยื่นเรื่องร้องเรียนขึ้นมา โดยใช้ฝ่ายการเมืองเป็นเครื่องมือเพื่อหาหนทางล้มเลิกโครงการที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบของทางราชการทุกประการ ตนจึงไม่อยากให้ใครต้องตกเป็นเครื่องมือของขบวนการดังกล่าว
"กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า ได้ปฎิบัติตามนโยบายรัฐบาลอย่างเคร่งครัดตลอดมา จนได้รับรางวัลต่างๆมากมาย อาทิเช่น รางวัลการประเมินผลระดับคุณธรรมและความโปร่งใส จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รางวัลองค์กรที่ความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และรางวัลหน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลดีเด่น ด้านความโปร่งใสด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลจากสำนักงาน ก.พ. เป็นต้น"
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยึดถือนโยบาย 3 ส. คือ สะอาด สุจริต และเสมอภาค เป็นหลักในการบริหารงาน ได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ซื้อขายตำแหน่ง ไม่ค้าขายหรือมีประโยชน์ทับซ้อนกับทางราชการ และไม่เบียดเบียนผู้ใต้บังคับบัญชา โดยส่วนตัวมีความเคารพและนับถือท่านรัฐมนตรีเป็นอย่างสูง แต่อยากเรียนเสนอให้มีการทบทวนและปรับปรุงแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานฝ่ายการเมือง กับข้าราชการประจำให้เป็นไปอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยยึดผลประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก ไม่เปิดประเด็นออกสื่อรายวัน โดยไม่สอบถามข้อเท็จจริงหรือเปิดโอกาสให้ทางส่วนราชการได้ชี้แจงอย่างเป็นกิจจะลักษณะเสียก่อน