หนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตัน "ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง" กับอาเซียน แต่ตอนนี้ "เป็นเรื่องจำเป็น" ที่ภูมิภาคแห่งนี้จะพิจารณาและรับข้อเสนอจากสหรัฐหรือจีน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ว่านายแรนดัลล์ ชไรเวอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐด้านกิจการอินโด-แปซิฟิก กล่าวระหว่างเข้าร่วมงานเสวนาของสภาการค้าอาเซียน-สหรัฐ เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบัน สมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) ทั้ง 10 ประเทศ อยู่ในภาวะที่ "จำเป็นต้องตัดสินใจ และไตร่ตรองอย่างรอบคอบ" ระหว่างข้อเสนอจากสหรัฐหรือจีน ซึ่งทั้งสองประเทศต่างกำลังแข่งขันกันขยายอิทธิพลในทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจในภูมิภาคแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ชไรเวอร์กล่าวว่าแนวทางดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าเป็น "จุดยืน" "หลักการ" หรือ "ค่านิยม" ของสหรัฐที่มีต่ออาเซียนหรือภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันให้ความสำคัญอย่างยิ่ง แต่เป็นเพียงคำแนะนำที่อ้างอิงตามสถานการณ์ทั่วไปที่กำลังเกิดขึ้น ว่าอาเซียนจะเลือกความสงบสุขที่เป็นการเคารพอธิปไตยระหว่างกัน หรือการมีข้อพิพาทตลอดเวลา การเลือกคบค้าสมาคมกับประเทศคู่ค้าตามข้อตกลงที่ยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย และการสนับสนุนบรรทัดฐานระหว่างประเทศเกี่ยวกับเสรีภาพในการลาดตระเวนทั้งทางทะเลและทางอากาศ
ขณะเดียวกัน ชไรเวอร์วิจารณ์แผนยุทธศาสตร์การค้าและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" หรือ "เส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21" ของจีน ว่าเต็มไปด้วยความ้สี่ยงของภาระหนี้สิน การคอร์รัปชั่นในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐ ปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาสังคม โดยอ้างอิงจากรายงานของธนาคารโลก ( เวิลด์แบงก์ )
ปัจจุบันสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ มีประชากรรวมกันราว 630 ล้านคน และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) รวมกันอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 73.71 ล้านล้านบาท ).
ที่มาข่าว:https://dailynews.co.th/foreign/716354