‘รังสิมันต์ โรม’ แฉ ส.ว.อีก หลังถูกฟ้อง 100 ล้าน ปูดประเด็นแจงบัญชีทรัพย์สินเมื่อปี 62 นิติกรรมขายโรงแรมที่ท่าขี้เหล็กมีพิรุธ หลังพบคำให้การ ‘ชาคริส’ เผยขายโรงแรมในปี 63 เล็งยื่น ป.ป.ช.ถอดถอนในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดหลักฐานเพิ่มเติมสืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เปิดโปงกรณี ‘ไทยดำ-จีนเทา’ ซึ่งพาดพิงนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. และถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา
นายรังสิมันต์เริ่มต้นว่า จากการอภิปรายของตน ระบุว่า นายอุปกิต เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการของบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด (Allure Group) ซึ่งถูกเชื่อมโยงว่าเป็นบริษัทเพื่อฟอกเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายของ ‘ทุนมินลัต’ (Tun Min Latt) นักธุรกิจชาวเมียนมา
แต่ต่อมาเมื่อมีการจับกุมทุนมินลัต นายอุปกิตก็รีบออกมาชี้แจงว่าได้ขายหุ้นและลาออกจากตำแหน่งกรรมการของ Allure Group และ Myanmar Allure แล้วในปี 2562 ก่อนรับตำแหน่ง ส.ว. รวมถึงโรงแรม Allure Resort ก็ขายไปแล้ว และยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียบร้อย แต่ครั้งนี้ ตนจะมาพูดถึงการขายหุ้นขายโรงแรมที่นายอุปกิตอ้างว่าทำไปแล้วก่อนมาเป็น ส.ว. ว่าจริงเท็จอย่างไร
@จับพิรุธซื้อขายโรงแรมท่าขี้เหล็ก
เนื่องจากหนึ่งในเอกสารที่ยื่นประกอบบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. คือเอกสารสัญญาซื้อขายอาคารและกิจการโรงแรม ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เนื้อหาสัญญาระบุว่า นายอุปกิต ซึ่งเป็นผู้ขาย ทำสัญญากับ นายชาคริส กาจกำจรเดช ผู้ซื้อ ว่าตกลงซื้อขายอาคารตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น จำนวน 1 หลัง ห้องพักจำนวน 78 ห้อง และกิจการโรงแรม Allure Resort และสิทธิการใช้ประโยชน์บนที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารดังกล่าว ในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ชำระเงินในเดือนสิงหาคม 2562 และตกลงกันว่าจะส่งมอบและรับมอบการครอบครองอาคารดังกล่าวในวันเดียวกันกับวันที่ทำสัญญา นอกจากนี้ อุปกิตยังแนบสำเนาหนังสือรับรองจากธนาคาร B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2562 รับรองบัญชีธนาคารดังกล่าว ว่ามีเงินฝากจำนวน 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ข้อสังเกตต่อเอกสารสัญญาฉบับนี้ คือสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับโรงแรม Allure Resort ตามสัญญา BOT ที่ทำกับกรมการโรงแรมฯ เมียนมานั้น ต้องเป็นของบริษัท Allure Group หรือ Myanmar Allure ดังนั้นถ้าจะมีการขายโรงแรม Allure Resort ให้ผู้อื่นจริงๆ ก็ควรเป็นการที่นายอุปกิตขายหุ้นของตัวเองใน Allure Group หรือ Myanmar Allure ที่ถือสิทธิและหน้าที่ในโรงแรม ให้กับนายชาคริส หรือไม่ถ้าเป็นกรณีที่ Allure Group หรือ Myanmar Allure จะขายสิทธิและหน้าที่ในโรงแรมที่บริษัทถืออยู่ให้กับนายชาคริส ก็ควรต้องเป็นสัญญาที่ทำขึ้นในนามของบริษัทนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ตนไม่แน่ใจว่ากรณีนี้ทำได้หรือไม่ เพราะสัญญา BOT กำหนดว่ากรมการโรงแรมฯ ต้องยินยอมด้วย
@ซื้อขายในนามบุคคลธรรมดา ไม่ใช่ นิติบุคคล
แต่ปรากฏว่าสัญญาฉบับนี้กลับมีลักษณะเป็นสัญญาในนามบุคคลธรรมดา 2 คน ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ได้เป็นสัญญาเพื่อซื้อขายหุ้นของบริษัทใดๆ แต่เป็นการซื้อตึกโรงแรม กิจการโรงแรม และสิทธิใช้ประโยชน์บนที่ดินโรงแรม หมายความว่า ตามสัญญานี้สิทธิในโรงแรม Allure Resort จะต้องตกเป็นของบุคคลธรรมดาที่ชื่อนายชาคริสคนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้
ยิ่งกว่านั้น เมื่อไปดูเนื้อหาหนังสือรับรองของ B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. แม้จะระบุว่าบัญชีธนาคารที่นายอุปกิตอ้างมีเงินฝาก 8,150,000 ดอลลาร์ฯ จริง แต่ก็ไม่มีตรงไหนระบุว่าเป็นการจ่ายมาจากนายชาคริสจริงหรือไม่ นี่คือข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลของการขายโรงแรม ที่นายอุปกิตอ้างต่อ ป.ป.ช.
@ชาคริสให้การ ส่อเป็นสัญญาซื้อขายปลอม
ที่สำคัญ หลังจากนั้นเมื่อมีการสืบสวนสอบสวนคดียาเสพติดและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องไปถึงพนักงานของ Allure Group มีการเรียกนายชาคริสไปให้การเมื่อเดือนเมษายน 2565 ตามบันทึกคำให้การช่วงหนึ่ง นายชาคริสให้การว่าตนถือหุ้น 15% ของโรงแรมอัลลัวร์ฯ มาตั้งแต่ปี 2558 จนกระทั่งประมาณปลายปี 2562 ตนเคยทำการตกลงซื้อกิจการโรงแรม Allure Resort จากนายอุปกิตในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 251,572,000 บาท แต่ไม่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายกันจริงแต่อย่างใด
เนื่องจากตนไม่มีเงินซื้อกิจการดังกล่าว ไม่รู้จะไปหามาจากไหนตั้ง 250 กว่าล้าน และยังให้การอีกว่าต่อมาอีก 1 ปีให้หลัง ประมาณเดือนกรกฎาคม 2563 นายอุปกิตได้ตกลงขายกิจการให้กับบุคคลอื่นในราคาประมาณ 300 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายแล้วคงเหลือ 265 ล้านบาท ตนได้รับส่วนแบ่งตามจำนวนที่ถือหุ้น 15% เป็นเงินจำนวน 39,750,000 บาท
“เนื้อหาคำให้การของนายชาคริสครั้งนี้ เป็นการบอกว่าสัญญาซื้อขายโรงแรมที่นายอุปกิตทำกับายชาคริสเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 และยื่นต่อ ป.ป.ช. นั้น เป็นสัญญาปลอม นอกจากนี้คำให้การยังบอกในทางอ้อมด้วยว่า ไม่ได้มีการขายหุ้นบริษัทให้นายชาคริสเพิ่มแต่อย่างใด เพราะนายชาคริสยังคงมีหุ้น 15% เท่าเดิม ถามว่านายชาคริสให้การเท็จต่อตำรวจหรือไม่ ผมคิดว่าถ้ามีการซื้อขายเกิดขึ้นจริง ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมาโกหกว่าไม่ได้ซื้อ” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า ยิ่งเมื่อไปดูสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของ Allure Group เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 ก่อนวันทำสัญญา 9 พฤษภาคม 2562 แค่ 9 วัน นายชาคริสถือหุ้นอยู่ 1,500 หุ้น 15% ตามที่ให้การไว้จริง ต่อมาอีกฉบับ 30 มิถุนายน 2562 นายชาคริสก็ยังถือหุ้นอยู่ 1,500 หุ้นเท่าเดิม เป็นหลักฐานชัดๆ ว่าไม่เคยมีการขายหุ้น Allure Group ไปที่ผู้ขอสิทธิบริหารจัดการโรงแรม Allure Resort เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่หุ้นเดียว
นอกจากนี้ตามที่นายชาคริสให้การ ว่า นายอุปกิตไปขายกิจการให้กับบุคคลอื่นในราคา 300 ล้านบาท เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 การขายกิจการที่ว่าคือสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท Allure Group ระหว่าง ‘นายดีน ยัง จุลธุระ’ ผู้ขาย ลูกเขยของอุปกิต กับผู้ซื้อคือ นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ 1 ใน 3 เจ้าพ่อพนันออนไลน์รายใหญ่ของไทย โดยมีนายอุปกิตลงนามเป็นพยานการซื้อขายครั้งนี้ด้วย
ในสัญญาก็ระบุไว้ชัดเจนว่าบริษัท Allure Group ที่ซื้อขายหุ้นกันตามสัญญานี้ เป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิในการบริหารและจัดการโรงแรม Allure Resort และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหุ้นสามัญจำนวน 6,691 หุ้นของ Myanmar Allure ซึ่งมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจของ Allure Group นี่แสดงให้เห็นว่าสิทธิและหน้าที่ในโรงแรม Allure Resort ไม่เคยไปเป็นของชาคริสในฐานะบุคคลธรรมดา ตามที่จะต้องเป็นตามสัญญาระหว่างนายอุปกิตกับนายชาคริสเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เลย
@เล็งชง ป.ป.ช. สอบ อุปกิต สัปดาห์นี้
จึงนำมาสู่คำถามว่า ตามข้อมูลนี้ หมายความว่าหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างนายอุปกิตกับนายชาคริสเป็นเอกสารเท็จ สัญญาซื้อขายไม่ได้เกิดขึ้นจริง ใช่หรือไม่ รายได้ที่เข้าบัญชีกัมพูชาของนายอุปกิตกว่า 8 ล้านดอลลาร์มาจากไหน เป็นเงินจากใคร และได้มาจากเรื่องอะไรกันแน่ การกระทำเช่นนี้เป็นการจงใจยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบหรือไม่ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้หรือไม่ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาที่แท้จริงของทรัพย์สินคือเงิน 8 ล้านดอลลาร์ ว่ามาจากที่ไหน ซึ่งจะเป็นความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 และในมาตรา 114 ประกอบมาตรา 81 ยังกำหนดให้ ป.ป.ช. เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อวินิจฉัยด้วย หากวินิจฉัยว่าผิดจริง นายอุปกิตจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ว. ถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสูงสุด 10 ปี โดยภายในสัปดาห์นี้ ตนจะยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ต่อไป
@กระตุก สภา-ตำรวจ-ประยุทธ์ ต้องร่วมรับผิดชอบ
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ขอตั้งคำถามไปถึงหน่วยงานตำรวจ 3 ข้อ ข้อแรกคือเนื่องจากในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ จะเป็นวันปิดสมัยประชุมสภาฯ ทำให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ ส.ส. และ ส.ว. หมดไป จึงขอถาม ผบ.ตร. ในฐานะพนักงานสอบสวนระดับสูงสุด ว่าหลังจากตนเปิดหลักฐานไปหมดแล้ว ตำรวจจะดำเนินการอย่างไรต่ออุปกิต เรื่องนี้ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้
คำถามที่ 2 ถ้าข้อเท็จจริงชี้ว่าทรัพย์สินต่างๆ ของนายอุปกิตได้มาจากการฟอกเงิน หรือยังไม่มีความชัดเจนว่าอาจได้มาโดยผิดกฎหมาย จะต้องมีการยึดอายัดทรัพย์สินเหล่านั้นตามหลักปฏิบัติหรือไม่ ตำรวจจะกล้ายึดอาคารและที่ดินที่วันนี้เป็นที่ตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือไม่
และคำถามที่ 3 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พยายามปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอุปกิต แต่ตอนนี้ในฐานะประธาน ก.ตร. เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ตนขอตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจที่รับผิดชอบคดีจับกุม ทุนมินลัต จึงถูกย้าย เป็นเพราะ พล.อ. ประยุทธ์รู้ใช่หรือไม่ ว่าตัวเองอาจหนีความรับผิดชอบไม่ได้
ที่มาภาพ: พรรคก้าวไกล
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำหรับ นายอุปกิต ปาจรียางกูร เป็นนักธุรกิจชื่อดัง อดีตสามี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ว. เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2562 แจ้งสถานะว่าหย่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,774,334,576 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 48,468,415 บาท มีรายได้รวม 566,954,720 บาท มีรายจ่ายรวม 6.4 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้นายอุปกิต เคยแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินช่วงเป็นสามี น.ส.ปารีณา กรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส.ราชบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2562 ระบุตอนหนึ่งว่า มีเงินลงทุน 2 รายการ วงเงิน 375,440,000 บาท ได้แก่ Allure Group Co.Ltd ธุรกิจโรงแรมท่าขี้เหล็กในประเทศเมียนมา และบริษัท อันดามันพาวเวอร์แอนด์ ยูทิลิตี้ จำกัด
อย่างไรก็ดีในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินล่าสุดของนายอุปกิต กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ว. เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2562 ระบุรายการเงินลงทุนเหลือแค่ 4,048,581 ได้แก่ หจก.เชียงใหม่ทวีโชคชัย มูลค่า 3.8 ล้านบาท และกองทุนธนาคารอีก 4 แห่ง
ขณะที่ในส่วนของรายได้ แจ้งว่า ขายโรงแรมไปแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการรับเงิน และขายหุ้นบริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) มูลค่า 554,400,000 บาท
ทั้งนี้ในเอกสารประกอบบัญชีทรัพย์สินของนายอุปกิต ทำหนังสือเรียนชี้แจงต่อเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีการขายธุรกิจโรงแรมท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา สำนักข่าวอิศรา คัดลอกมาโดยละเอียดดังนี้ (หมายเหตุ : ตามกฎหมายใหม่ ป.ป.ช. ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไปถ่ายรูปเอกสารประกอบในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน)
เอกสารฉบับนี้ ทำขึ้นที่ เขตดุสิต กทม เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2562 ชี้แจงข้อเท็จจริงการขายโรงแรม เรียนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ข้าพเจ้าขอเรียนแจ้งข้อเท็จจริงการขายโรงแรมของข้าพเจ้า ดังนี้ ข้าพเจ้าได้ขายโรงแรม Allure Resort Hotel Tachileik Myanmar ตั้งอยู่ในสหภาพเมียนมา เนื่องจากต้องการให้ปราศจากข้อครหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม อีกทั้งไม่ได้เข้าไปดูที่โรงแรมมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว จึงตัดสินใจขายกิจการโรงแรมออกไปก่อนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ส.ว. และได้กล่าวปฏิญาณตนต่อที่ประชุมสภาเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2562 โดยข้าพเจ้าได้รับการชำระเงินค่าโรงแรมดังกล่าวในต่างประเทศ โดยเข้าบัญชีธนาคาร B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. เลขบัญชีที่ 00001-01-000083-09 เป็นเงินทั้งสิ้น 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 251,672,000 บาท) จึงขอยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติมในการรับการชำระเงินค่าโรงแรมดังกล่าว
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ เจ้าของ ‘อัลลัวร์ กรุ๊ป’ นั้น ปัจจุบันสำนักข่าวอิศรา อยู่ระหว่างการติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกการทำธุรกิจ โดย นายพันณรงค์ถือหุ้นและเป็นกรรมการ 7 บริษัท นอกจากนี้ นายพันณรงค์ยังเป็นตัวการสำคัญในคดีที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส ) ยึดและอายัดทรัพย์ ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ รวม 71 แปลง มูลค่า 1,050 ล้านบาท ทั้งที่ดินเปล่า อพาร์ทเมนต์ รีสอร์ต โรงแรมขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ในพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ อ.เมือง จ.สงขลา มูลค่าทรัพย์สินรวมของเครือข่าย ทุน มิน หลัด รวม 1,858 ล้านบาท (อ้างอิงข่าว : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/61157)
อนึ่งก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้พยายาม ได้พยายามติดต่อนายอุปกิต เพื่อขอสัมภาษณ์ข้อมูลการดำเนินธุรกิจบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด ตาม เบอร์โทร 05373*** ที่นายอุปกิตได้แจ้งไว้ตอนเป็นกรรมการเข้าใหม่ แต่เมื่อโทรไป ระบบกลับแจ้งว่าไม่มีหมายเลขนี้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรายังได้ติดต่อไปยังนายเจน นำชัยศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา ซึ่งคณะกรรมาธิการชุดนี้มีนายอุปกิตเป็นเลขานุการอยู่ แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำพิพากษาว่านายพันณรงค์และผู้เกี่ยวข้องกระทำความผิด
อ่านประกอบ
- ‘ส.ว.อุปกิต’ ฟ้อง ‘ดนัย - อมรรัตน์’ 50 ล้านบาท เสนอข่าวพัน ‘ทุน มิน ลัต’เขียน
- ‘รังสิมันต์’ เปิดแผล ‘ทุนเมียนมา-จีนเทา’ อัด ‘ประยุทธ์’ ละเลยตลอด 8 ปี
- ข้อมูลใหม่! คนรับซื้อ รร.ท่าขี้เหล็ก 251ล. ‘อุปกิต’ส.ว.ที่แท้ผู้ร่วมถือหุ้น บ.อัลลัวร์ กรุ๊ป
- สอบภาษี! ระงับจดทะเบียนเสร็จชำระบัญชี บ.อัลลัวร์ กรุ๊ป กลุ่ม ‘พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’
- แกะรอย‘อัลลัวร์ กรุ๊ป’พันณรงค์!‘อุปกิต’ก่อตั้ง-โอนหุ้นหลายครั้ง บ.ฮ่องกงร่วมถือด้วย
- เจาะขุมธุรกิจ ‘พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’ ถือหุ้น กก. 7 บริษัท - ‘บลูเคอร์ กรุ๊ป’152 ล.
- ข้อมูลใหม่! ‘พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’ ถือหุ้น กก. 7 บริษัท แจ้งใช้ที่อยู่เดียวกับโรงแรม
- โชว์โอนเงินเข้าแบงก์กรุงไทย 278.8 ล.! ไขปม‘พันณรงค์’ถือหุ้น บ.บลูเคอร์ กรุ๊ป 152.8 ล.
- คราวนี้ 30 ล.เข้าแบงก์ กสิกรไทย ‘พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’เครือข่ายอัลลัวร์กรุ๊ป
- ส่อง บ.บลูเคอร์ กรุ๊ป ‘พันณรงค์’เครือข่าย‘ทุน มิน หลัด’ ซื้อหุ้น 132 ล.ปริศนา!
- 'อัจฉริยะ' ยื่น ป.ป.ช.สอบ 'อุปกิต' ปมแจ้งบัญชีทรัพย์สินขายโรงแรมท่าขี้เหล็ก