เปิดเอกสารไขความเป็นมา บ.บลูเคอร์ กรุ๊ป เครือข่าย ‘ทุน มิน หลัด’ ก่อน‘พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’อ้างควักเงินเพิ่มทุน 2 ครั้ง 132 ล. พบเงื่อนปม ใบสำคัญรับชำระค่าหุ้น คราวเดียวกันแต่ลงปี พ.ศ. ต่างกัน - จดทะเบียนผุดสาขานับสิบแห่ง รายได้แค่ 15.3 ล้าน ขาดทุนสุทธิเกือบ 4 ล้าน -เอาเงินจากไหนมาลงทุน?
บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ตของนายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ เจ้าของ ‘อัลลัวร์ กรุ๊ป’ เครือข่ายทุน มิน หลัด ซึ่งนายพันณรงค์ถือหุ้นและเป็นกรรมการ 7 บริษัท โดยที่นายพันณรงค์เป็นตัวการสำคัญในคดีที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส ) ยึดและอายัดทรัพย์ ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ รวม 71 แปลง มูลค่า 1,050 ล้านบาท ทั้งที่ดินเปล่า อพาร์ทเมนต์ รีสอร์ต โรงแรมขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ในพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ อ.เมือง จ.สงขลา มูลค่าทรัพย์สินรวมของเครือข่าย ทุน มิน หลัด รวม 1,858 ล้านบาท (อ้างอิงข่าว : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/61157)
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้วว่า บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีทุนจดทะเบียนมากที่สุดล่าสุด 500 ล้านบาทนั้น นายพันณรงค์ ถือใหญ่ 2,008,500 หุ้น มูลค่า 152,850,000 บาท มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 2 ครั้ง
ครั้งแรก จาก 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท อ้างโอนเงินค่าหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 30 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยสาขาบางบัวทอง โดยมีหนังสือใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้น ลงวันที่ 25 ต.ค.2561 เป็นหลักฐาน
ครั้งที่สอง จาก 90 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาท ( ไม่มีข้อมูล เพิ่มทุนจาก 50 ล้านบาทเป็น 90 ล้านบาท ) เฉพาะนายพันณรงค์ 102 ล้านบาท อ้างโอนเงินเข้าธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัล เฟสติวัล อิสต์วิลล์ บัญชีออมทรัพย์ (น่าสังเกตใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนที่ออกโดยนายพันณรงค์ ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ระบุรับเงินจากนายพันณรงค์ (รับเงินจากตัวเอง) ลงวันที่ 18 ม.ค.2564 ขณะที่ ใบสำคัญรับเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นรายอื่นอีก 2 คน ลงวันที่ 18 ม.ค.2565 ซึ่งต่างปีกัน-ข้อมูลตามที่บริษัทฯนำส่งนายทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
รวมการเพิ่มทุน 2 ครั้งมาจากเงินของนายพันณรงค์คนเดียว 132 ล้านบาท
ล่าสุดมาดูความเป็นมาของบริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด ดังนี้
บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนวันที่ 11 มี.ค. 2556 ทุน 20 ล้านบาท ประกอบการซื้อขายที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ รีสอร์ท รับเหมาก่อสร้าง ที่ตั้ง 246/7 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ เป็นผู้ก่อการจดทะเบียน และเป็นกรรมการร่วมกับ น.ส.วีณา เนตรสุริยวงศ์ ผู้ถือหุ้น 9 คน นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ และ น.ส.วีณา เนตรสุริยวงศ์ ถือคนละ 30,000 หุ้น อีก 7 คนอาทิ นายธนาชัย ขำพล นายนราชัย รงค์ชนะ นายโสมนัส เวสสะกุล นายกฤตพรต ขุนพิทักษ์ คนละ 20,000 หุ้น รวมหุ้นทั้งหมด 200,000 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 100 บาท
ต่อมาจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง
20 ธ.ค.2558 จดทะเบียนเปลี่ยนแปลง นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ เป็นกรรมการเพียงคนเดียว พร้อมแก้ไขเพิ่มสำนักงานสาขา จำนวน 7 แห่ง
1. เลขที่ 246/5 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
2. เลขที่ 121/142 หมูที่ 8 ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา
3.เลขที่ 121/143 หมูที่ 8 ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา
4. เลขที่ 999/12 หมู่ที่ 9 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
5.เลขที่ 108 หมู่ที่ 3 ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
6.เลขที่ 63 หมู่ที่ 3 ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
7.เลขที่ 190/7 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
11 ต.ค.2561 จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มสำนักงานสาขา จำนวน 8 แห่ง
สำนักงานใหญ่เลขที่ 246/7 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร (โยธะกา กรุ๊ป โฮเตล)
สาขา 1 เลขที่ 246/5 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
สาขา 2 เลขที่ 121/142 หมูที่ 8 ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา
สาขา 3 เลขที่ 121/143 หมูที่ 8 ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา
สาขา 4 เลขที่ 999/12 หมู่ที่ 9 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
สาขา 5 เลขที่ 108 หมู่ที่ 3 ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
สาขา 6 เลขที่ 63 หมู่ที่ 3 ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
สาขา 7 เลขที่ 190/7 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
สาขา 8 เลขที่ 190/12 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
29 ต.ค.2561 จดทะเบียนเพิ่มทุนของบริษัทเป็น 50 ล้านบาท ระบุว่า เป็นการเพิ่มทุนโดยรับชำระเป็นเงินสด จำนวน 30 ล้านบาทจากนายพันณรงค์ เป็นค่าหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 300,000 หุ้น โอนเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยสาขาบางบัวทอง (ดูเอกสาร)
พร้อมกับ จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ (แบบ สสช.1) ประกอบกิจการโรงแรม รีสอร์ท บาร์ กาสิโน ร้านอาหาร ที่เกี่ยวข้องในและต่างประเทศ
16 ธ.ค.2562 จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ น.ส.วีณา เนตรสุริยวงศ์ เข้าเป็นกรรมการร่วมกับ นายพันณรงค์ อีก 1 คน เป็น 2 คน
7 เม.ย.2563 ทะเบียนแก้ไขเพิ่มสำนักงาน มีจำนวน 10 แห่ง สำนักงานใหญ่ 1 แห่ง และสำนักงานสาขา 9 แห่ง (จากเดิม 8 แห่ง) สำนักงานสาขาที่เพิ่มขึ้นมาเป็นแห่งที่ 9 เลขที่ 190/3 ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ
พร้อมกับจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ (แบบ สสช.1) ผลิตจำหน่าย นำเข้าเครื่องมือแพทย์ จำหน่ายนำเข้า เครื่องสำอาง เวชภํณฑ์ ใช้สำหรับทางการแพทย์
25 มิ.ย.2564 จดทะเบียนเพิ่มทุนของบริษัทเป็น 90 ล้านบาท
6 ต.ค.2564 จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ (แบบ สสช.1) ประกอบกิจการเป็นตัวแทนขาย อสังหาริทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ และบริการอื่นที่เกี่ยวเนื่องผ่านสื่ออิเลคทรอนิค
22 ก.พ.2565 จดทะเบียนเพิ่มทุนของบริษัทเป็น 500 ล้านบาท ชำระแล้ว 368,800,000 บาท จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ เป็นกรรมการเพียงคนเดียว (น.ส.วีณา เนตรสุริยวงศ์ ออก) พร้อมกับจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ (แบบ สสช.1) ประกอบกิจการโรงแรม รีสอร์ท บาร์ ร้านอาหาร
ในการเพิ่มทุนดังกล่าวได้นำหนังสือใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้น จากบุคคล จำนวน 3 คน แสดงต่อนายทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้แก่
1.ใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้น วันที่ 18 ม.ค.2564 บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด ได้รับเงินชำระค่าหุ้นเป็นเงิน 102 ล้านบาท จาก นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ เพื่อเป็นค่าหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 1,500,000 หุ้น โดยโอนเข้าธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัล เฟสติวัล อิสต์วิลล์ บัญชีออมทรัพย์ ชื่อ บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (น่าสังเกต ใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้น ระบุลงวันที่ 18 ม.ค.2564
2. ใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้น วันที่ 18 ม.ค.2565 บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด ได้รับเงินชำระค่าหุ้น เป็นเงิน 102 ล้านบาท จาก นายนราชัย รงค์ชนะ เพื่อเป็นค่าหุ้น จำนวน 1,500,000 หุ้น จากการเพิ่มทุนของบริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด โดยโอนเข้าธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัล เฟสติวัล อิสต์วิลล์ บัญชีออมทรัพย์ ชื่อ บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด จำนวน 102 ล้านบาท
3. ใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้น วันที่ 18 ม.ค.2565 บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด ได้รับเงินชำระค่าหุ้น เป็นเงิน 74,800,000 บาท จาก นายธนาชัย ขำพล เพื่อเป็นค่าหุ้น จำนวน 1,100,000 หุ้น จากการเพิ่มทุนของบริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด โดยโอนเข้าธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัล เฟสติวัล อิสต์วิลล์ บัญชีออมทรัพย์ ชื่อ บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด จำนวน 74,800,000 บาท (รวม 3 คน 278.8 ล้านบาท)
ทั้งนี้ บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด แนบหนังสือรับรองเงินฝาก ของ ธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัล เฟสติวัล อิสต์วิลล์ชื่อบัญชี บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด ณ วันที่ 18 ม.ค.2565 ยอดคงเหลือ 281,277,404.80 บาท
แสดงต่อนายทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วย (ดูเอกสาร)
7 เม.ย. 2565 จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ น.ส.วีณา เนตรสุริยวงศ์ กลับเข้าเป็นกรรมการร่วมกับ นายพันณรงค์ อีก 1 คน เป็น 2 คน
11 ต.ค.2565 ทะเบียนแก้ไขเพิ่มสำนักงาน มีจำนวน 6 แห่ง (จากเดิม 10 แห่ง) สำนักงานใหญ่ 1 แห่ง ที่ตั้ง 246/7 ซอยลาดพร้าว 122 ไม่เปลี่ยนแปลง และ สำนักงานสาขา 5 แห่ง (จากเดิม 9 แห่ง)
สาขา 1 เลขที่ 246/5 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
สาขา 2 เลขที่ 121/142 หมูที่ 8 ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา
สาขา 3 เลขที่ 121/143 หมูที่ 8 ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา
สาขา 4 เลขที่ 108 หมู่ที่ 3 ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
สาขา 5 เลขที่ 63 หมู่ที่ 3 ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนถึงปัจจุบัน
ข้อมูลผู้ถือหุ้น
30 พ.ย.2558 ผู้ถือหุ้น 9 คน นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ ถือหุ้นใหญ่ 195,500 หุ้น จากทั้งหมด 200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
6 ต.ค.2560 ผู้ถือหุ้น 6 คน นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ ถือหุ้นใหญ่ 197,000 หุ้น จากทั้งหมด 200,000 หุ้น
25 ต.ค.2561 ผู้ถือหุ้น 6 คน นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ ถือ 497,000 หุ้น จากทั้งหมด 500,000 หุ้น (เพิ่มทุนเป็น 50 ล้านบาท)
30 เม.ย.2563 ผู้ถือหุ้น 6 คน นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ ถือ 250,000 หุ้น น.ส.วีณา เนตรสุริยวงศ์ 128,000 หุ้น อีก 4 คนๆละ 30,500 หุ้น
ล่าสุด บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 18 มกราคม 2565 นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ ถือ 2,008,500 หุ้น มูลค่า 152,850,000 บาท ผู้ถือหุ้นอีก 2 คน คือ นายนราชัย รงค์ชนะ 1,661,000 หุ้น มูลค่า 118,100,000 บาท และ นายธนาชัย ขำพล 1,330,500 หุ้น มูลค่า 97,850,000 บาท
ข้อมูลงบการเงิน
6 มิ.ย.2565 นำส่งงบการเงิน ล่าสุด รอบปีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2562
งบกำไรขาดทุน รายได้จากการขายหรือการให้บริการ 15,379,622.38 บาท ขาดทุนสุทธิ 3,984,659.56 บาท
งบดุล สินทรัพย์รวม 115,208,661.15 บาท หนี้สิน 67,470,546.80 บาท ขาดทุนสะสม 2,261,885.65 บาท รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น 115,208,661.15 บาท
ทั้งหมดเป็นข้อมูลธุรกิจของนายพันณรงค์และ บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด
น่าสังเกตว่าการเพิ่มทุนจดทะเบียน ครั้งที่สอง จาก 90 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาท ของผู้ถือหุ้น 3 คน ใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนที่ออกโดยนายพันณรงค์ ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ระบุรับเงินจากนายพันณรงค์ กับผู้ถือหุ้นอีก 2 คน ระบุปี พ.ศ.ต่างกัน และบริษัทนี้มีสำนักงานสาขามากถึง10 แห่ง ขณะที่แจ้งว่ามีรายได้เพียง 15.3 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิเกือบ 4 ล้านบาท และถ้าเพิ่มทุนจริงเอาเงินจากไหนมาลงทุน?
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำพิพากษาว่านายพันณรงค์และผู้เกี่ยวข้องกระทำความผิด
เรื่องเกี่ยวข้อง
สอบภาษี! ระงับจดทะเบียนเสร็จชำระบัญชี บ.อัลลัวร์ กรุ๊ป กลุ่ม ‘พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’
แกะรอย‘อัลลัวร์ กรุ๊ป’พันณรงค์!‘อุปกิต’ก่อตั้ง-โอนหุ้นหลายครั้ง บ.ฮ่องกงร่วมถือด้วย
เจาะขุมธุรกิจ ‘พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’ ถือหุ้น กก. 7 บริษัท - ‘บลูเคอร์ กรุ๊ป’152 ล.
ข้อมูลใหม่! ‘พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’ ถือหุ้น กก. 7 บริษัท แจ้งใช้ที่อยู่เดียวกับโรงแรม
โชว์โอนเงินเข้าแบงก์กรุงไทย 278.8 ล.! ไขปม‘พันณรงค์’ถือหุ้น บ.บลูเคอร์ กรุ๊ป 152.8 ล.
คราวนี้ 30 ล.เข้าแบงก์ กสิกรไทย ‘พันณรงค์ ขุนพิทักษ์’เครือข่ายอัลลัวร์กรุ๊ป