‘พิธา-เท่าพิภพ’ แถลงจุดยืน ‘กม.สุราก้าวหน้า’ อีกครั้ง ขอ ส.ส.โหวตผ่านในการประชุม 2 พ.ย.นี้ กล่อมทุกภาคส่วน ‘นายกฯ’ ขอให้ห่วงนายทุนดีกว่า ‘ปชป.-ภูมิใจไทย’ ต้องผ่านเก็บเป็นผลงาน ‘นายทุน’ เป็นโอกาสพัฒนาธุรกิจ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 31 ต.ค. 2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. กรุงเทพ พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าว กรณีการลงมติร่างแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิต หรือกฎหมาย “สุราก้าวหน้า” ที่กำลังจะมีการพิจารณาวาระสุดท้าย ในวันที่ 2 พ.ย. นี้
นายพิธา ระบุว่า สุราก้าวหน้า คือนโยบายเศรษฐกิจที่จะช่วยยกระดับราคาสินค้าทางการเกษตร ทำให้เกิดความยุติธรรมระหว่างผู้เล่นรายใหญ่และรายย่อย และการนำเข้า-ส่งออกสินค้าแอลกอฮอล์ของประเทศ เป็นผลดีต่อประชาชนทุกคน ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ เช่น มาลัยรัม ฉลองเบย์ ไอรอนบอล นิกกิ ล้านนา บางกอกว๊อดก้า ฯลฯ ซึ่งชนะการแข่งขันในระดับโลกมาแล้วหลายรายการ ทั้งที่มีกฎหมายกดทับอยู่และไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ มีการนำมาเสิร์ฟอยู่ในโรงแรม 5-6 ดาว ล้วนผลิตจากอ้อย ข้าว ขิง ตะไคร้ และผลไม้ของเกษตรกรไทย บางรายส่งออกไปถึง 17 ประเทศทั่วโลกด้วยซ้ำ
อัด ‘ประยุทธ์’ ห่วงสุรานายทุนดีกว่าสุราชาวบ้าน
สำหรับกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อ้างข้อกังวลเรื่องเหล้าเถื่อนและสุขลักษณะ ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมออกเสียงคว่ำกฎหมายนั้น นายพิธาระบุว่า เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ความกังวลกับสุราของชาวบ้าน ไม่เท่าเทียมกับความกังวลต่อสุราของนายทุนและสุรานำเข้า ซึ่งเรื่องของสุขลักษณะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และองค์การต่างๆ อยู่แล้ว ที่จะคอยมาช่วยควบคุมให้ผู้ประกอบการผลิตได้ผ่านมาตรฐาน ส่วนเรื่องของอุบัติเหตุและอัตราการดื่มสุรานั้น แน่นอนว่าจำเป็นต้องมีกระบวนการให้ความรู้ การศึกษา และการรณณรงค์ลดอุบัติเหตุจากการเมาและขับ ซึ่งภาษีจากสุราที่จะเพื่มมากขึ้นสามารถนำมาใช้เพื่อการนี้ได้
“สิ่งที่เถื่อนไมใช่เหล้า แต่คือกฎหมายและการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่มารังแกผู้ประกอบการ และการที่นายทุน ขุนศึก ศักดินา รวมหัวกันเพื่อทำให้เกิดการผูกขาดของอุตสาหกรรมสุรา กดทับตลาดของคนธรรมดาทั่วไปต่างหาก” นายพิธากล่าว
ยุ ปชป.-ภูมิใจไทย ดันสุราก้าวหน้าเก็บเป็นผลงาน
นอกจานี้ นายพิธา ยังได้ใช้โอกาสนี้ส่งสารไปถึง ส.ส. ต่างพรรค โดยระบุว่าเรื่องนี้เป็นชัยชนะของประชาชน ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพานิชย์อยู่ นี่คือโอกาสในการทำผลงาน เพิ่มการส่งออกสินค้าสุราไทย ทำงานร่วมกับแต่ละจังหวัดที่พานิชย์จังหวัดมีเครือข่ายอยู่ เพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรได้ ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่ดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุขอยู่ การมีผู้ประกอบการสุราระดับโลกอยู่ทั่วทุกประเทศ สอดรับกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งนโยบายสุราก้าวหน้าจะช่วยส่งเสริมในส่วนนี้ได้เช่นกัน และจะยังทำให้เกิดเม็ดเงินภาษีที่จะมาช่วยเหลือในงบประมาณด้านสาธารณสุข สำหรับการดูแลปัญหาสุขภาวะจากสุราเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย
กล่อม นายทุน เป็นโอกาสพัฒนาธุรกิจ
และยังได้ส่งสาสน์ไปถึง ส.ส. จากพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่าตัวเองจำได้ดี ว่าในเดือน ก.ย. 2545 รัฐบาลพรรคไทยรักไทยของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร เคยจัดมหกรรมสุราไทยและโอท็อป จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารที่ส่งต่อกระบวนการปลดล็อกสุราไทยให้สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและตัวเองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์นี้ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณต่อไปให้เกิดผลสำเร็จ ในการโหวตวันที่ 2 พ.ย. นี้
สำหรับนายทุนสุรารายใหญ่ ไม่มีความน่ากังวลเลยในเรื่องของส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากมีข้อมูลยืนยันออกมาแล้ว ว่าประเทศต่างๆ ที่ทำให้เกิดการปลดล็อกสุรา ไม่เคยทำให้กลุ่มทุนสุราขนาดใหญ่ในประเทศไหนที่สูญเสียส่วนแบ่งตลาดเกิน 1% ขณะเดียวกันนี่คือโอการในการพัฒนาธุรกิจสุราของตัวเอง ด้วยการใช้เครือข่ายการส่งสินค้า การลงทุนร่วม สร้างหุ้นส่วน เพิ่มทุน ขยายกิจการร่วมกัน มาช่วยเหลือและต่อยอดเติบโตไปพร้อมกันได้
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล
‘เท่าพิภพ’ ยันไม่ได้ลดมาตรฐาน ‘สุรา’
ในส่วนของนายเท่าพิภพ ระบุว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาระหว่างกระบวนการทำร่าง พ.ร.บ. นี้ ได้มีเสียงสะท้อนมาจากหลายภาคส่วน รวมทั้งระหว่างการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการโดย ส.ส. หลายคน ส่วนใหญ่เป็นความกังวลในเรื่องของมาตรฐาน อีกทั้งเมื่อไม่กี่วันมานี้ ยังมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะให้แทรกแซงให้ล้มกฎหมายฉบับนี้ ด้วยข้อกังวลเดียวกัน
ในการนี้ ตัวเองได้อธิบายไปหลายครั้งแล้ว และขออธิบายอีกครั้ง ว่าเนื้อหาในกฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงการควบคุมมาตรฐานอะไรแม้แต่น้อย และประเทศไทยก็มีกฎหมายควบคุมอย่างเข้มแข็งและเข้มงวดอยู่แล้ว ยิ่งกว่าประเทศมุสลิมบางประเทศด้วยซ้ำ ในทางกลับกัน นี่คือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนมาก ไม่ใช่แค่ผู้ผลิต แต่รวมถึงคนทำงานในบาร์ คนทำงานในระบบโลจิสติกส์ เกษตรกร ธุรกิจสุรามีซัพพลายเชนที่ครอบคลุมหลายส่วนและจะนำไปสู่การจ้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล
ดังนั้น การที่ฝ่ายผู้มีอำนาจจะพยายามแทรกแซงให้เกิดการล้มกฎหมายฉบับนี้ ตัวเองขอเตือนอีกครั้ง ว่าจะเป็นการนำไปสู่การขีดเส้นความขัดแย้งใหม่ในสังคม เป็นการประกาศสงครามระหว่างคน 99% กับคน 1%
ขอแรง ส.ส.ช่วยโหวต
และนายเท่าพิภพยังระบุด้วยว่า สำหรับเพื่อนสมาชิกสภา ตัวเองมองไม่ออกเลยว่าด้วยเหตุผลใดที่จะไม่ยกมือผ่านให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ จากที่ตัวเองได้ยินมา มีความพยายามในกรมสรรพสามิตที่จะออกร่างกฎกระทรวงมา เพื่อให้ ส.ส. หลายคนใช้เป็นเหตุผลอ้างเพื่อไม่ยกมือผ่านให้ ซึ่งสุดท้ายการออกกฎกระทรวงจะเป็นเพียงแค่การตบตา เตะถ่วงยื้อเวลาไปเรื่อยๆ เท่านั้น นอกจากนี้ กฎกระทรวงดังกล่าวหากจะมีการออกมาจริง ก็ยังเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่เหตุผล เช่น บังคับให้ต้องทำ EIA ซึ่งมีราคาหลักล้านถึงสิบล้านบาท เป็นต้นทุนสูงมากสำหรับโรงงานขนาดเล็ก เป็นการทลายกำแพงหนึ่งเพื่อสร้างอีกกำแพงหนึ่งขึ้นมาแทนเท่านั้น
“วันที่ 2 พ.ย. นี้ จะเป็นวันที่พิสูจน์ให้ประชาชนได้เห็นอีกครั้ง ว่าประเทศนี้เกิดมาเพื่อเรา เป็นของเราจริงๆ หรือจะเป็นของคนแค่ 1% ไม่มีเหตุผลเลยที่สภาจะโหวตแย้ง ที่ผ่านมาในชั้นกรรมาธิการก็มีการปรับแก้มากมาย ทั้งเรื่องของการผลิตสุราในครัวเรือน ที่มีการแก้ไขให้ต้องมีการจดแจ้งให้รัดกุมขึ้น ซึ่งผมต้องขอขอบคุณ ส.ส. ต่างพรรคที่ร่วมผลักดันกันมา วันพุธนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่สภาจะได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ ผมขอให้ประชาชนทุกคนได้ร่วมกันกดดันไปยัง ส.ส. ของตัวเอง ให้พวกเขาโหวตเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อคน 1% ของประเทศนี้” นายเท่าพิภพกล่าว
อ่านประกอบ