ครม.รับทราบมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 35 มาตรการ ‘แบงก์รัฐ’ เดินหน้าพักชำระหนี้-ให้สินเชื่อฉุกเฉิน ขณะที่ ‘สรรพากร’ ให้นำเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ หักลดหย่อนภาษีได้
................................
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยปี 2565 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 7 แห่ง รวม 21 มาตรการ ประกอบด้วย
1.ธนาคารออมสิน จำนวน 5 มาตรการ ได้แก่ มาตรการพักชำระหนี้ ,มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ,มาตรการสินเชื่อเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ที่ประสบภัยพิบัติ ,มาตรการสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ และมาตรการสินเชื่อบุคคลแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ
2.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 3 มาตรการ ได้แก่ มาตรการขยายระยะเวลาชำระหนี้ ,มาตรการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2565-2566 และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต
3.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จำนวน 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการลดเงินงวดและลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ,มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ ,มาตรการประนอมหนี้สำหรับลูกค้าที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน หรือมีสถานะอยู่ระหว่างประนอมหนี้ และมาตรการสินไหมเร่งด่วน สำหรับผู้มีกรมธรรม์ประกันภัย
4.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ และมาตรการสินเชื่อ SMEs Re-Start
5.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) จำนวน 1 มาตรการ คือ มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย 2565
6.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) จำนวน 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการเพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว ,มาตรการเพิ่มวงเงินกู้ ,มาตรการลดเงินต้นและดอกเบี้ย และมาตรการขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน
7.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกัน และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ บสย.
ทั้งนี้ มาตรการต่างๆ จะมีผลตั้งแต่วันที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้ออกประกาศเป็นต้นไป
นายอนุชา กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.ยังรับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยปี 2565 ของ 6 หน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลัง รวม 14 มาตรการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันประกาศของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
1.กรมสรรพากร จำนวน 5 มาตรการ ได้แก่
-มาตรการลดหย่อนภาษี โดยให้บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนได้ 1 เท่าแต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมิน กรณีบริษัท/ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หักรายจ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคได้ 1 เท่า แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ สำหรับการบริจาคให้แก่ส่วนราชการหรือองค์การสาธารณกุศล รวมทั้งการบริจาคผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่นำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้วย ซึ่งในกรณีหลังนี้ ผู้ประกอบการยังได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริจาคสินค้าด้วย
-มาตรการยกเว้นภาษี โดยให้บุคคลธรรมดาและบริษัทนิติบุคคลได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ กรณีได้เงินชดเชยที่ได้รับจากรัฐบาล เงิน/ทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคหรือช่วยเหลือ ไม่เกินมูลค่าความเสียหายและสินใหม่ทดแทนที่ได้รับจากบริษัทประกันภัย
-มาตรการระยะเร่งด่วน ได้แก่ ขยายระยะเวลายื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีหรือนำส่งภาษี และการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน จากเดิมที่ต้องยื่นหรือขอภายในเดือนตุลาคม 2565 และเดือนพฤศจิกายน 2565 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565
-มาตรการในระยะถัดไป โดยให้บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนค่าซ่อมแซอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับความเสียหายตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และค่าซ่อมแซมรถตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท
2.กรมศุลกากร จำนวน 2 มาตรการ เช่น ให้ยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อบริจาคให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 2565
3.กรมสรรพสามิต จำนวน 1 มาตรการ ได้แก่ ให้ขยายกำหนดเวลายื่นงบเดือนสำหรับ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบกิจการสถานบริการในจังหวัดที่มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน-31 ตุลาคม 2565 จากเดิมในเดือนตุลาคม 2565 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565
4.กรมบัญชีกลาง จำนวน 2 มาตรการ คือ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประกาศให้ท้องที่เป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน สามารถใช้จ่ายเงินทดลองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และจังหวัดสามารถขอขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มเติมต่อกระทรวงการคลัง ในกรณีที่วงเงินทดรองราชการไม่เพียงพอได้
5.กรมธนารักษ์ จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ ให้ยกเว้นค่าเช่าสูงสุดเป็นระยะเวลา 2 ปี สำหรับที่อยู่อาศัยที่เสียหายทั้งหลังและที่อยู่อาศัยที่เสียหายบางส่วน ยกเว้นค่าเช่า 1 ปี และในกรณีที่ไม่สามารถชำระค่าเช่าให้ยกเว้นการคิดเงินเพิ่มเติมตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดหาประโยชน์ในราชพัสดุพ.ศ. 2552
6.การยาสูบแห่งประเทศไทย จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ การช่วยเหลือพนักงานยาสูบและครอบครัวตามหลักเกณฑ์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการดำรงชีพและความเสียหายของทรัพย์สินหรือที่อยู่อาศัย เป็นต้น
“ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กำชับทุกส่วนราชการ สร้างการรับรู้ว่าประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอะไรบ้าง และเร่งดูแลเยียวยาโดยเร็วที่สุด พร้อมเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการที่ชัดเจน ที่สามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ขัดต่อกรอบนโยบายหรือกฎหมายด้วย” นายอนุชา ระบุ