อัยการสั่งยื่นฟ้อง ‘ชัยวัฒน์’ กับพวกคดี ‘บิลลี่’ แล้ว ขณะเจ้าตัวยื่นขอประกันตัวรายละ 8 แสนบาท ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตั้งเงื่อนไขห้ามออกนอก ปท. -ยุ่งกับพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2565 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ตามที่คณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกรวม 4 คนในความผิดฐาน ‘ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง’ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 309 เมื่อวันพุธที่ 31 ส.ค.2565 ตามคำสั่งของพนักงานอัยการ และส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมไปยังพนักงานอัยการแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 พ.ย.2565
สืบเนื่องมาจากช่วงต้นเดือน ส.ค. สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) มีหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอ กรณีมีคำสั่งชี้ขาดฟ้อง นายชัยวัฒน์ กับพวก เพิ่มเติม กรณีที่เกี่ยวข้องกับ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งต่อมานายชัยวัฒน์เข้ารับทราบข้อหา และมีการนำตัวส่งฟ้องในวันนี้
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำตัวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก รวม 4 คน ไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งตัวให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ยื่นฟ้องเป็นจำเลยคดีต่อศาลดังกล่าวตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในช่วงเวลาประมาณ 14.50 น. นายชัยวัฒน์ได้เดินทางออกมาจากศาลด้วยท่าทีที่ไม่กังวลแต่อย่างใด พร้อมกับกล่าวว่าในวันนี้อัยการได้มีการยื่นฟ้องแล้ว และศาลได้มีการอนุมัติให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์คนละ 800,000 บาท แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ถ้าจะไปก็ต้องแจ้งศาลต่อ และห้ามไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ส่วนทางอัยการและทางดีเอสไอก็ไม่ติดข้องกับเรื่องของการขอประกันตัวแต่อย่างใด
อนึ่ง ก่อนหน้าที่จะขึ้นศาลในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า วันนี้ไม่ได้มีความกังวลใจ และได้เตรียมเอกสารเพื่อนำมาประกันตัวพร้อมกับขอบคุณเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ทุกคน และที่ผ่านมาตนเองได้ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเองว่าไม่ได้ทำอะไร และวันนี้เมื่อทุกอย่างมาถึงขั้นตอนของศาลแล้ว ตนเองรู้สึกโล่งใจมากกว่า และไม่ได้รู้สึกน้อยใจในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย กลับรู้สึกขอบคุณเสียมากกว่า เพราะมันถึงเวลาแล้วที่ต้องทำแบบนี้ เพราะจะได้พิสูจน์ความจริงสักที รวมถึงประเด็นที่ว่า ตนเองเป็นผู้ลงมือสั่งการและเผาบ้าน ของ ปู่คออี้ และ มอแอะ ชาวบ้านบางกลอย จำนวน 2 หลัง แต่ท้ายที่สุดหลักฐานได้ชี้จัดว่า ปู่คออี้ และมอแอะ นั้นอยู่บ้านหลังเดียวกัน ซึ่งตนมองว่าที่ผ่านมาเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ ให้การเท็จ และแจ้งเท็จ โดยตนเองก็พิสูจน์แล้ว และอยากให้สังคมคอยติดตามดูความจริงคืออะไร และตนเองก็ยังไม่ฟ้องกลับบุคคลเหล่านั้น ทุกคนยังเกี่ยวข้องกับกรณีที่ดินชาวบ้านบางกลอยที่ยังพิพาทกันอยู่ตอนนี้
เมื่อถามว่าจะกระทบกับการทำงานราชการหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ทางผู้ใหญ่และน้องๆ ทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยืนยันไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และตนก็ทำงานในการปกป้องป่าตามปกติ ซึ่งยังรู้สึกเห็นใจลูกน้องที่ต้องมาพัวพันในคดี โดยลูกน้องทุกคนรู้สึกท้อใจ เพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไร แต่กลับมาโดนคดี และมองว่าไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้ชิดตนเองก็มักจะซวยตามไปด้วย
ด้าน นายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ทนายความของนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนการต่อสู้คดีนั้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพราะต้องดูฝั่งของทางอัยการในขั้นตอนการตรวจหลักฐานสืบพยานก่อน ว่ามีพยานหลักฐาน พยานบุคล หรือวัตถุพยานอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเงินสด คนละ 1 ล้านบาท