สำนักวิทย์ฯ ราชบัณฑิตยสภา ออกแถลง 3 ข้อแสดงจุดยืนใช้กัญชาและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ชี้รัฐต้องเข้าไปควบคุมให้ใช้ได้เฉพาะวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น ห้ามใช้สันทนาการ ต้องควบคุมอย่าให้มีผลข้างเคียงส่งผลต่อประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา ได้ออกแถลงการณ์จุดยืนของการใช้กัญชาและผลิตภัณฑ์มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 29 วรรคสอง แห่ง ประมวลกฎหมายยาเสพติด ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ. 2565 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565) ข้อ 1 (3) กําหนดให้ “ สารสกัดจากทุกส่วนของกัญชาหรือกัญชง ซึ่งเป็นพืชในสกุล Cannabis ยกเว้นสารสกัดดังต่อไปนี้ (ก) สารสกัดที่มีสารเททระไฮโดรแคนนาบินอล (ทีเอชซี) [tetrahydrocannabinol, (THC)] ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ําหนัก เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้สกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชงที่ปลูกภายในประเทศ (ข) สารสกัดจากเมล็ด ของพืชกัญชาหรือกัญชงที่ได้จากการปลูกภายในประเทศ” เป็นผลให้ทุกส่วนของพืชกัญชาไม่จัดเป็นยาเสพติด ให้โทษประเภทที่ 5 อีกต่อไป ทั้งนี้มีผลเมื่อครบกําหนด 120 วัน ตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตรงกับ วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา
ราชบัณฑิตยสภา ในฐานะองค์กรปราชญ์ของแผ่นดิน “เป็นสถานที่บํารุงสรรพวิชา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาขึ้น มีวัตถุประสงค์ที่จะค้นคว้าและวิจัยเพื่อเผยแพร่ ส่งเสริม แลกเปลี่ยน ความรู้ พัฒนา อนุรักษ์ และให้บริการทางวิชาการให้เป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศและประชาชน” สํานัก วิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา ได้เฝ้ามองและติดตามผลจากการออกประกาศดังกล่าวด้วยความห่วงใยต่อชีวิต และสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งจะเป็นกําลังสําคัญของชาติในอนาคต ประกอบกับ ในช่วงสุญญากาศที่รัฐสภากําลังพิจารณาร่างกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง สํานักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา จึงขอเสนอ
1. ให้รัฐมีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาเฉพาะในทาง การแพทย์เท่านั้น และจัดให้มีมาตรการป้องปรามมิให้มีการนําไปใช้เพื่อนันทนาการโดยเด็ดขาด และขอให้รัฐ ออกมาตรการควบคุมการโฆษณาในสื่อต่าง ๆ ทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างหรือเป็นภาพชินตาของการใช้ กัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาต่อเด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป ในระยะยาว
2. การใช้กัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาในทางการแพทย์ ควรมีผลการวิจัยที่ได้รับการ ยอมรับในระดับสากล และให้มีหลักฐานเชิงประจักษ์สนับสนุนด้านประสิทธิศักย์ (efficacy) ความปลอดภัย (safety) และคุณภาพ (quality) อย่างแท้จริง ก่อนที่จะอนุญาตให้มีการใช้ในวงกว้าง นอกจากนั้น การผลิต วัตถุดิบกัญชาที่ใช้ทางการแพทย์ รัฐควรจัดให้มี “แนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับเกษตรกรรมและการเก็บเกี่ยว (จีเอซีพี) [Good Agricultural and Collection Practice (GACP)” เพื่อประกันคุณภาพและความปลอดภัย ของวัตถุดิบกัญชา
3. ให้รัฐจัดให้มีการติดตามและเฝ้าระวังเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์และผลข้างเคียงของกัญชาและ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาตามหลักวิชาการที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติอย่างเคร่งครัด และ ควบคุมการใช้ในทางที่ผิด เพื่อป้องกันปัญหาระยะยาวอันเกิดจากกัญชาที่มีต่อสุขภาพ สังคม และประเทศชาติ ในอนาคต