ผู้ต้องขังติดเชื้อใหม่ 325 ราย รักษาหายเพิ่ม 883 ราย เสียชีวิต 2 ราย กรมราชทัณฑ์เผย ไม่พบเรือจำแพร่ระบาดเพิ่มเป็นวันที่ 2
--------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดนเรือนจำและทัณฑสถาน พบผู้คิดเชื้อรายใหม่ 325 ราย มาจากพบในเรือนจำสีแดง 237 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 88 ราย รักษาหายเพิ่ม 883 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 4,717 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสีเขียว 87.7% สีเหลือง 11.9% และสีแดง 0.49% เป็นพื้นที่ กทม. 234 ราย ปริมณฑล 802 ราย และต่างจังหวัด 3,681 ราย
นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ ยังคงไม่พบเรือนจำแพร่ระบาตใหม่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 จึงมียอดเรือนจำสีแดง 36 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาต 106 แห่งคงเติม โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 49.189 ราย หรือกว่า 9096 ของผู้ติดเชื้อสะสม 54,710 ราย เสียชีวิตสะสม 92 ร้าย หรือ 0.17% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด และเรือนจำจังหวัดสระบุรี เป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว และสูงอายุ แม้ว่าได้ดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาสภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิดเป็นที่เรียบร้อย
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่ กรมราชทัณข์ ยังคงดำเนินงานเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัดในทุกส่วน โดยเฉพาะการป้องกันเชื้อใน 3 ด้าน คือ 1.การป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่ โดยจะต้องตรวจหาเชื้อและยืนยันว่าไม่พบเชื้อก่อนปฏิบัติงานทุกครั้ง และในกลุ่มเรือนจำสีแดงจะต้องตรวจหาเชื้อก่อนออกจากพื้นที่อีก 1 ครั้งเพื่อป้องกันการนำเชื้อไปแพร่ระบาดภายนอก 2.การป้องกันเชื้อจากผู้ต้องขังแรกรับหรือรับเข้าใหม่ทุกราย จะต้องได้รับการแยกกักโรค อย่างน้อย 21 วัน และตรวจหาเชื้ออย่างน้อย 2 ครั้ง คือ ก่อนเข้า และก่อนออกจากห้องกักโรคอย่างละ 1 ครั้ง และ 3.การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสิ่งของที่มาจากภายนอกเรือนจำ รวมถึงการรักษาสุขอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างกัน หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล และสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไมให้แพร่ระบาตในเรือนจำได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้เร่งผลิตและจัดหา รวมถึงจ่ยยาทะลายโจรแก่ผู้ต้องขังในแต่ละเรือนจำ เพื่อสำรองแก่ผู้ต้องขังอย่างน้อยรายละ 50 แคปซูล ซึ่งจะทำให้มียาฬาทะลายโจรรวมกว่า 14 ล้านแปซูลภายในเดือน ส.ค.นี้ และที่เรือนจำจะผลิตได้อีกกว่า 4 ล้านแคปซูล ซึ่งจากการใช้งานที่ผ่านมา พบว่ายาฟ้าทะลายโจรสามารถช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความรุนแรงของโรคได้เป็นอย่างดี
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage