ผู้ต้องขังติดเชื้อใหม่ 272 ราย รักษาหายเพิ่ม 667 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตติดต่อกันเป็นวันที่ 3 กรมราชทัณฑ์เน้นย้ำการเตรียมข้อมูล-ระบบเพื่อควบคุมการระบาดอย่างรวดเร็ว กำชับ ห้ามปล่อยตัวผู้ติดเชื้อทำ Home Isolation โดยเด็ดขาด
--------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2564 นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในเรือนจำและทัณฑสถานวันนี้ พบเรือนจำจังหวัดนครนายกระบาดเพิ่ม 1 แห่ง ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดง 36 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 106 แห่ง
ขณะที่ ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 272 ราย มาจากการพบในเรือนจำสีแดง 251 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 21 ราย รักษาหายเพิ่ม 667 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในวันนี้ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 6,164 ราย แบ่งเป็น กลุ่มสีเขียว 88.9% สีเหลือง 10.6% และสีแดง 0.5% เป็นพื้นที่ กทม. 190 ราย ปริมณฑล 1,253 ราย และต่างจังหวัด 4,721 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 47,228 ราย หรือ 87.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม 54,156 ราย เสียชีวิตสะสม 84 ราย คิดเป็นอัตรา 0.16% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้กำชับแนวทางการปล่อยตัวผู้ต้องขัง ที่จะต้องผ่านระบบการกักตัว 14 วัน และตรวจหาเชื้อเป็นระยะเพื่อยืนยันว่าไม่พบเชื้อก่อนปล่อย ซึ่งถ้าหากตรวจพบเชื้อจะต้องส่งต่อการรักษาไปยังสถานพยาบาลภายนอก หรือศูนย์พักพิงบริเวณด้านนอกเรือนจำ โดยจะต้อง ไม่มีผู้ต้องขังติดเชื้อถูกปล่อยตัวจากเรือนจำโดยไม่ผ่านระบบการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแม่ข่าย หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ และต้องไม่มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังเพื่อทำ Home Isolation หรือการกักตัวที่บ้านโดยเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการศึกษาข้อมูลและแนวทางเพื่อดำเนินงานอย่างรอบคอบ รวมทั้งเตรียมระบบการคัดกรอง ยาฟ้าทะลายโจร เวชภัณฑ์ และการดูแลรักษาผู้ต้องขังให้พร้อม เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงทีเมื่อมีการระบาดเกิดขึ้น โดยเฉพาะการคัดกรองผู้ต้องขังที่ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์แรกหลังพบการระบาด ซึ่งจะทำให้ผู้ติดเชื้อได้เข้าถึงยาและการรักษาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงระบบส่งต่อการรักษาหากพบอาการผิดปกติให้ถูกต้องตามแนวทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยหนัก และลดอัตราการเสียชีวิต รวมถึงการควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายอายุตม์ สินอพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เรือนจำและทัณฑสถานที่พบการระบาดทุกแห่ง จะต้องเร่งควบคุมการระบาตของโรคอย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มพบการติดเชื้อ โดยเฉพาะการคัดกรองที่รวดเร็ว
(Early Detection) กรตรวจวินิจฉัยรวตเร็ว (Early Diagnosis) และการรักษารวดเร็ว (Early Treatment) ทั้งตัวยวิธี RT-PCR, Antigen Test Kit (ATK) รวมถึงการเอกซเรย์ปอดด้วยเครื่องเอกซเรย์พระราชทาน
ที่ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 สัปตาห์แรกหลังพบการระบาต เพื่อให้ผู้ติดเชื้อสามารถเข้าถึงยาและการรักษาได้อย่างหันท่วงที ตลอดจนระบบส่งต่อการรักษาหากพบอาการผิดปกติ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางที่ต้องดูแลให้ถูกต้องตามแนวทางการแพทย์และหลักระบาตวิทยา ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยหนัก และลดอัตราการเสียชีวิตลงไต้ในท้ายที่สุด
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดในกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มีผู้ติดเชื้อหายป่วยเพิ่ม 2 ราย คงเหลือผู้ติดเชื้อสะสมรวม 54 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 21 ราย เด็กและเยาวชน 33 ราย ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯและศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 44 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 12 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 3 แห่ง และติดเชื้อ 9 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนคงที่ 133 ราย หรือคิดเป็น 3.18% จากทั้งหมด 4,180 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มคงที่ 3,795 ราย หรือคิดเป็น 86.9% จากทั้งหมด 4,367 ราย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage