ลุยแจ้งความผู้แอบอ้าง! ตัวแทนกก.พงสะหวัน ยันครองสิทธิ์ไม้พะยูง 200 ล.เจ้าเดียว

pictrewwwsasasasa6 22 64

ตัวแทน 'สอนแก้ว สิดทิไช' กก.บ.พงสะหวันเปิดแถลงข่าว ย้ำครองกรรมสิทธิ์ ไม้พะยูง 200 ล้าน เจ้าเดียว ยันไม่เคยมอบอำนาจให้ใคร แจ้งความเอาผิด 'คําสะไหว พมมะจัน'นักธุรกิจลาวข้อหาปลอมแปลงเอกสารรับมอบอำนาจแล้ว - เชิญ 'สมสัก แก้วผาลี' หนึ่งในผู้อ้างสิทธิ์ออกนอกห้องประชุมแอบอ้างตัวแทน สปป.ลาว

.........................................

สืบเนื่องจากประเด็นตรวจสอบกรณีไม้พะยูงจำนวนกว่า 11 ตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 1,664 ท่อน 155 ลูกบาศก์เมตร มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ที่อ้างว่าถูกนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และถูกยึดไว้ที่สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง (ด่านลาดกระบัง) เมื่อปี พ.ศ.2549 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการนำไม้ดังกล่าวส่งคืนให้กับ สปป.ลาวแต่อย่างใด ทั้งที่เมื่อปี 2556 กระทรวงการต่างประเทศได้มีมติเตรียมจะคืนไม้ของกลางทั้งหมดให้กับรัฐบาล สปป.ลาว เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีบุคคลอย่างน้อย 3 กลุ่ม อ้างสิทธิ์ขอคืนไม้พะยูงของกลางดังกล่าว

ขณะที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ออกคำวินิจฉัยให้กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) แจ้งตรวจสอบหลักฐานผู้อ้างสิทธิเป็นตัวแทน จาก Phongsavanh Wood industry หรือบริษัท พงสะหวัน ค้าไม้ จํากัด หรือบริษัท พงษ์สะหวัน อุตสาหกรรมไม้ หรือบริษัท พงษ์สะหวัน อุตสาหกรรมไม้ จํากัด หรือโรงเลื่อยพงษ์สะหวัน หรือบริษัท วิสาหกิจ ส่วนบุคคลพงสะหวันอุตสาหกรรมค้าไม้ จํากัด ที่มีสิทธิเรียกร้องขอคืนไม้พะยูงของกลาง ภายใน 15 วัน พร้อมขอให้กรมศุลกากร ในฐานะผู้เก็บรักษาไม้พะยูงของกลาง มีคําสั่งให้สํานักงานศุลกากรตรวจ สินค้าลาดกระบัง คืนไม้พะยูงของกลางให้แก่บุคคลที่ ปทส. ยืนยันว่าเป็นบุคคลผู้รับมอบอํานาจด้วย

(อ่านประกอบ:จำแนก 4 กลุ่ม ศึกชิงไม้พะยูง 200 ล.! ผู้รับจ้างขนเข้าไทย โผล่อ้างสิทธิ์ขอคืนด้วย?,'ผู้ตรวจการแผ่นดิน' จี้ ปทส. ตรวจหลักฐานคนขอคืนไม้พะยูง 200 ล. ภายใน 15 วัน)

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าล่าสุด ว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2564 คณะทำงานของ นางสาวิตรี นันทวิวัฒน์ ผู้รับมอบอำนาจจากนายสอนแก้ว สิดทิไชหนึ่งในผู้อ้างสิทธิในไม้พะยูง ได้จัดงานแถลงข่าวที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เพื่อจะชี้แจงข้อมูลที่มาที่ไปเรื่องนี้เป็นทางการ

คำแถลงการณ์ระบุตอนหนึ่งว่า วิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของประเทศไทยตลอดมา พยายามติดตาม ประสานงาน และขอคืนไม้พะยูงจํานวน 1,554 ท่อน และไม้พะยูงแปรรูป จํานวน 122เหลี่ยม มาตลอดกว่า15ปี ปัจจุบันวิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ทราบว่าทางการไทยได้มีหนังสือคืนไม้ดังกล่าวให้แก่วิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry แล้ว แต่มีการปลอมแปลงเอกสารการรับมอบอํานาจโดยนายคําสะไหว พมมะจัน ที่พยายามจะเข้าไปยังด่านศุลกากรเพื่อตรวจสอบไม้พะยูงเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ทางวิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ได้พยายามส่งเอกสารชี้แจงพร้อมหลักฐานคําร้องฟ้องนายคำสะไหว พมมะจัน ใน สปป.ลาว เกี่ยวกับไม้พะยูงกองนี้ ว่านายคำสะไหวไม่เกี่ยวข้องและไม่เคยได้รับมอบอํานาจจากวิสาหกิจ ส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry แต่อย่างใด

"ในคําร้องฟ้องนายคําสะไหวได้มีการเซ็นชื่อและ ปั๊มลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน หากแต่ทางปทส.ไม่รับพิจารณา และตัวแทนวิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ได้รับคําตอบทางวาจาจากนายตํารวจผู้มีอํานาจ ว่าเอกสารดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้ เพราะเป็นเรื่องนอกราชอาณาจักรไทย ทางวิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry รู้สึกว่าไม่ได้รับความ เป็นธรรม จึงทําหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานต่างๆที่วิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry คิดว่าจะสามารถให้ความเป็นธรรมแก่วิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ในเรื่องนี้ได้

"ตลอดระยะเวลากว่า15ปี ทางวิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry เชื่อมั่นในความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศของความเป็นบ้านพี่เมืองน้อง และกระบวนการยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย แต่บัดนี้ทางวิสาหะกิจ ส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry เห็นว่าวิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างที่ควรจะเป็นจึงได้จัดการแถลงข่าวครั้งนี้โดยมอบให้นางสาวิตรี นันทภิวัฒน์ เป็นสื่อกลางระหว่างวิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry และสื่อมวลชนทุกท่าน"

"วิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry ขอวิงวอนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรมแก่ วิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry และให้เป็นไปกฎหมายของราชอาณาจักรไทย ตาม คําสั่งของพนักงานอัยการ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 7 (พระโขนง) ตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา มาตรา85 (เจ้าของที่แท้จริง) นั้นหมายถึงว่าวิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry โดยนายสอนแก้ว สิดทิไช กรรมการผู้มีอํานาจเป็นเจ้าของที่แท้จริงไม่ใช่นายคําสะไหว พมพะจันที่แอบอ้าง ปลอมแปลงเอกสารมาขอรับไม่คืน วิสาหกิจส่วนบุคคล Phongsavahn Wood Industry หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยราชการไทยที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน"

ขณะที่นางสาวิตรี กล่าวยืนยันว่า จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายคำสะไหวที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ ในข้อหาว่าปลอมแปลงเอกสารการรับมอบอำนาจ และได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนายคำสะไหวว่า แท้จริงแล้วนายคำสะไหว คือ คนสัญชาติไทย มีชื่อว่านายไหว โสมกุล โดยขั้นตอนของคดีนั้นได้มีการส่งเรื่องมายังสถานที่เกิดเหตุให้ดำเนินคดีแล้ว ซึ่งก็คือพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน อันเป็นพื้นที่ๆนายคำสะไหวไปใช้เอกสารปลอมไปสำแดงกับเจ้าพนักงาน ปทส.

"ในวันที่ 29 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ทางกองบัญชาการสอบสวนกลางจะมีการเชิญดิฉันและผู้โต้แย้งกรรมสิทธิ์ มาร่วมรับฟังคําชี้แจงจาก ปทส.ในวันที่ 29 มิ.ย. เวลา 10.00 น.ซึ่งทางคณะทำงานของนายสอนแก้วก็จะไปร่วมชี้แจงข้อมูลในวันดังกล่าวด้วยเช่นกัน "

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่าในการแถลงข่าวครั้งนี้ ได้มีการวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์สัมภาษณ์นายสอนแก้ว สิดทิไช ให้ยืนยันว่าไม่เคยมีการมอบอำนาจให้กับบุคคลอื่นแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวดังกล่าว นายคำสะไหว พมมะจัน นักธุรกิจชาวลาว ซึ่งเคยอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนบริษัทพงสะหวันก่อนหน้านี้ รวมถึงนายสมสัก แก้วผาลี ซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทน สปป.ลาวก่อนหน้านี้ ก็ได้มาร่วมในงานแถลงข่าวด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ได้เกิดข้อพิพาทขึ้นในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อนายสอนแก้วได้กล่าวตอนหนึ่งว่านายสมสักได้มีการใช้เอกสารปลอมอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนรัฐบาล สปป.ลาว ซึ่งนายสมสักพยายามจะแสดงเอกสารยืนยันตัวตนให้กับผู้สื่อข่าวได้รับทราบ พร้อมกับระบุว่า เอกสารมีการรับรองจากทางการลาวถูกต้อง ก่อนที่นายสมสักจะถูกเชิญออกจากห้องแถลงข่าวไป

โดยนายสมสัก กล่าวทิ้งท้ายว่า ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ จะไปร่วมให้ข้อมูลกับทางกองบัญชาตำรวจสอบสวนกลางด้วย และจะชี้แจงข้อเท็จจริงให้รับทราบในวันนั้นอีกครั้ง

Somsakkk