ที่ประชุม ส.ว.ลงมติเห็นชอบ 205 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง อนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท 'บิ๊กตู่' ประกาศกลางสภาจะอยู่จนจบวาระ บ่นโดนไล่ทุกวัน แต่ยิ่งไล่ ยิ่งสู้ ถามใครจะสู้ไปด้วยบ้าง
----------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2564 ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติเห็น 205 ต่อ 0 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง อนุมัติ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ 2564 วงเงินไม่เกิน 5 แสนบาท
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางร่วมรับฟังการอภิปราย พร้อมใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงในการชี้แจงต่อที่ประชุม ส.ว. ว่า สำหรับผลการดำเนินการตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทซึ่งเป็นฉบับก่อนหน้านี้ ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ทำให้จีดีพีหดตัวน้อยกว่าที่ประเมินไว้ 2% ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากโครงการเยียวยาต่างๆ ส่วนแผนงานโครงการด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น คาดการณ์ว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2564 ขยายตัวได้ 1.5-2.5% ขณะที่ผ่านมาติดลบมาโดยตลอด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องระบบสาธารณสุข คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว 44, 749 ล้านบาท ดูแลค่าเสี่ยงภัยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) จำนวน 1.05 ล้านราย ค่าวัคซีน 35 ล้านโดสแรก ค่าปรับปรุงก่อสร้างโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ 786 แห่งทั่วประเทศ ค่าเครื่องมือแพทย์ นอกจากนี้ยังได้เยียวยาให้กับประชาชน 690,136 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้มีแผนการกระจายวัคซีน วันนี้รัฐบาลได้จัดหาวัคซีนปี 2564 จำนวน กว่า 100 ล้านโดสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในไตรมาส 1 ของปี 2565 ปัจจุบันตั้งแต่ ก.พ. - พ.ค. ฉีดแล้ว 6.12 ล้านโดส สำหรับการฉีดให้คนต้องทยอยจอง นัดวัน ตามจำนวนวัคซีนที่ทยอยให้มา เพราะเราให้กรอบไปแล้ว แต่ละเดือนจะหาวัคซีนได้เท่าไรจะแบ่งปันกันอย่างไร มี 3 อย่างเป็นหลักการคือ 1.ทุกจังหวัดต้องได้ฉีด 2.จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดมาก 3.คลัสเตอร์ที่มีปัญหา
“หลายอย่างเราคาดการณ์ไว้แล้ว ผมเป็นทหารมาก่อน จะทำอะไรก็ตามต้องวางแผนอนาคตไว้ด้วย เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนทุกอย่างก็ต้องปรับ ฉะนั้นขอความกรุณาทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมกำหนดมาแล้วด้วย วันนี้สิ่งที่เป็นปัญหาคือการรับจองฉีดวัคซีน มีมากกว่าจำนวนวัคซีนที่แบ่งให้ไป ซึ่งแผนการฉีดให้ไปแล้ว แต่วัคซีนทยอยมาตามสัญญาของเขา เราไม่สามารถกำหนดได้ แต่สัญญาใหญ่มีอยู่แล้วว่าเดือนหนึ่งจะส่งเท่าไร อย่างวันนี้มีรายงานว่ามีวัคซีนเข้ามาอีก 1.5 ล้านโดส เป็นวัคซีนของเดือน มิ.ย. ที่ต้องเฉลี่ยทุกจังหวัด และทยอยให้ไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การนัดหมายฉีดวัคซีนต้องไม่นัดหมายเกินจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ เช่น ให้วัคซีน 5 แสนโดส ต้องบริหารให้ได้ภายใน 1 เดือนฉีดให้ได้ 5 แสนโดส จะเร่งฉีดวันเดียว 4 หมื่นโดส หรือ 4 แสนโดส ก็ไม่ถึง 1 เดือน ก็ต้องยืดตรงนี้ให้ยาวที่สุดจนกว่าวัคซีนยอดใหม่จะเข้ามาแค่นั้นเอง
“ผมยอมรับทั้งหมด การประชาสัมพันธ์หรือสื่อต่ออะไรต่างๆ กรุณาฟังทางรัฐบาลหรือฟังผมพูด ถ้าไม่ฟังอีกก็ไปกันใหญ่อีก วันนี้ท่านก็รู้อยู่ว่ามีปัญหาอะไรบ้างในการสร้างการรับรู้ สร้างการบิดเบือน ทุกอย่างมีการเมืองเข้ามาแทรกหมด ท่านก็เห็นว่า ไม่มีฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว มีฝ่ายค้าน ฝ่ายอะไรต่างๆ ผมก็เคารพทุกอัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เราเจรจาเรื่องวัคซีนต่อเนื่อง ทราบดีว่าวัคซีนอาจจะต้องฉีดทุกปีเหมือนไข้หวัดใหญ่ และสถานการณ์นี้ไม่รู้จะจบเมื่อไร วัคซีนต่างประเทศจองกันมากมายบริษัทยังจัดส่งไม่ได้ แต่โชคดีที่เรามีโรงงานในประเทศ แต่ก็ต้องได้รับอนุมัติจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ผลิตเท่าไรแล้วจ่ายให้เราเองทั้งหมด อย่างแอสตร้าเซนเนก้ามีปัญหามาก เพราะโรงงานในอินเดียถูกปิดทั้งหมด บริษัทจึงต้องบริหารตรงนี้ ซึ่งเราก็ต้องเจรจากับเขา หรือวัคซีนต่างประเทศ เราเจรจาไปรัฐบาลจีน จึงได้ซิโนแวค และเราจะมีซิโนฟาร์มเข้ามาอีก ทั้งหมดวัคซีนเข้ามาในไทย ใครจะซื่อก็ตาม ตนไม่ขัดข้อง แต่ต้องมีบริษัทตัวแทนในไทยขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่วนวัคซีนไฟเซอร์อยู่ระหว่างการต่อรองเงื่อนไขสัญญาจัดหา 20 ล้านโดส วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันอยู่ระหว่างต่อรองเงื่อนไขสัญญาจัดหา 5 ล้านโดส คาดว่าส่งมอบไตรมาส 3 และยังมีชนิดอื่นอีกที่ต้องเจรจาต่อทั้งหมด
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า แม้ว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท จะมีผลบังคับใช้แล้ว แต่ยังไม่ได้กู้เงินสักบาท ทุกอย่างมีมาตรการต้องแก้ไข การเงินการคลัง หนี้สาธารณะ วันนี้หนี้สาธารณะสิ้นเดือน ก.ย.2564 จะอยู่ที่ 58.56% หลายคนบอกว่ามันเกิน ถ้ามันกู้มากกว่านี้ก็เกิน แต่จำเป็นหรือไม่ที่ต้องกู้ ไม่จำเป็นจะกู้ทำไม ก่อนหน้าตนเข้ามามีหนี้สาธารณะเท่าไร ตนเป็นสร้างหนี้ทั้งหมดหรือเปล่า ให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง วันนี้คำนวณจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลประจำปี ปี 2564 ตลอดจนการใช้ พ.ร.ก.กู้เงิน ฉบับ 1 ล้านล้านบาทจนครบวงเงิน วันนี้ก็คาดว่าจะมีการกู้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินฉบับ 5 แสนล้านบาทเป็นจำนวน 1 แสนล้านบาทแล้ว เรื่องระดับหนี้สาธารณะ ขอให้ฟังกระทรวงการคลัง ฟังสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เขาบริหารมาหลายรัฐบาลแล้ว ไม่ได้มาเพิ่มรัฐบาลตน ตนใช้หนี้มากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป
“การเยียวยาทุกอย่างก็ให้จนวันนี้จะกลายเป็นรายจ่ายประจำไปแล้ว บางอันอยู่ในงบกลาง เพราะบริหารในภาพรวม ไม่ใช่ว่าไปยึดอำนาจ ผมไม่อยากยึดอำนาจ หลายคนบอกว่ารวบอำนาจ 30 กว่าฉบับเพื่อจะสั่งการเอง จะบ้าหรือ ผมต้องการปลดล็อกให้เขา เอามาเพื่อแก้ปัญหา ขอให้ทำความเข้าใจตรงนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ตนไม่ได้แก้ตัวอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่เล่าให้ฟังว่าทำงานอย่างไร โครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีใครเคยได้หรือไม่ แล้วไม่ใช่การเมือง ตนไม่ได้ตั้งใจจะหาเสียงตรงนี้ เพียงแต่ต้องการให้เขารับผลประโยชน์โดยตรง ให้เขาอยู่ได้ก่อนตอนนี้ วันหน้าเราก็ทำโครงสร้างอื่นๆ เข้ามาต่อไป
“ขอฝากอย่างเดียวคือฝากการสร้างความรับรู้ไปด้วย แล้วให้รู้ว่าใจของผมคืออะไร การเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ผมต้องทำตัวให้มีเกียรติ ให้คนอื่นยกย่อง ให้คนอื่นเชื่อมั่น ผมตั้งเกียรติของตัวเองไม่ได้ เกียรติเป็นสิ่งที่คนอื่นเขามอบให้ ผมทำดีเขาก็ให้เกียรติ ถ้าทำไม่ดีก็ไม่ต้องให้เกียรติ และฝากไว้ด้วยหากมีการเลือกตั้งในอนาคต ผมยืนยันจะอยู่ไปจนครบ จะได้เลิกพูดกันสักที วันหน้าเลือกมาให้ดีแล้วกัน ทุกคนลืมง่ายหมดทุกเรื่อง วันนี้พอทำดีมากขึ้น ก็บอกต้องดีอีก ต้องดีอีก ผมต้องทำไปข้างหน้า แก้ปัญหาและวางอนาคตไปด้วย แก้ปัญหาเดิมกี่โครงการ ต่อสู้ในศาลกี่คดี ไม่ใช่ว่าผมไม่รับการตรวจสอบ คสช.ผมก็ถูกตรวจสอบ ก็ต้องชี้แจงไป คดีผมเป็นร้อย แต่ผมชี้แจงได้ มันก็ต้องจบ ผมไปสั่งเขาไม่ได้ ศาลเนี่ย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงต่อวุฒิสภา พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุมอยู่ในขณะนั้น ได้ส่งข้อความถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า การซักถามและชี้แจงขอให้ทำหลังจากที่มีการอภิปรายเสร็จ ขอประเด็นการอภิปรายก่อน ได้เวลาที่ได้ชี้แจงพอสมควรแล้ว ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทันทีว่า “เขาไล่ผมแล้ว ในนี้ไม่มีพวกกัน แต่พอแล้ว รัฐบาลชี้แจงมาหลายรอบแล้ว” พร้อมถามด้วยว่า มีใครไม่มีเชื่อมั่นตนหรือไม่ขอให้ยกมือ ทั้งนี้ไม่มีผู้ยกมือแต่อย่างใด
“ผมบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ผมเคารพท่านมาตลอด 5 ปี 7 ปี ผมไม่เคยยุ่งกับท่าน ผมเชื่อมั่นในวุฒิภาวะของท่าน ภายใต้พื้นฐานความเข้าใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือ มันจำเป็นต้องมีการแก้ปัญหาทุกเรื่อง และผมนำไปสู่การแก้ปัญหาหรือไม่ ปัญหาที่พะรุงพะรังมาตลอด ผมแก้อะไรไปแล้วบ้าง โรงบำบัดน้ำเสีย โฮปเวลล์ปก็ต้องแก้ ประมง การบิน ทางด่วน สิ่งแวดล้อม แต่ก่อนคลองโอ่งอ่างเคยสวยเท่านี้หรือไม่ ส่วนเรื่องเหมืองแร่ก็ว่ากันไป อยู่ในอนุญาโตตุลาการ เราก็คำนึงถึงผลประโยชน์ของเรา ประเทศชาติได้ประโยชน์อะไรก็ว่ากันมาอีกที ผมไม่ได้มุ่งร้ายทำลายใคร ผมก็โดนไล่มาทุกวัน ยิ่งไล่ผมยิ่งสู้ โอเคหรือไม่ ใครจะสู้ไปกับบ้าง ผมรู้ว่าท่านส่งใจให้ผมทุกคนอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage