กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสุ่มตรวจหาสายพันธุ์โควิด ตั้งแต่ เม.ย.2564 จำนวน 1,300 ตัวอย่าง พบ 93% เป็นสายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์อินเดียเพิ่มเป็น 62 ราย ส่วนสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่ตรวจพบใน อ.ตากใบ 11 ราย ยันยังอยู่ในพื้นที่ ไม่มีการแพร่ออกไปที่อื่น ชี้จำกัดวงสกัดการระบาดแล้ว
...........................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2564 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงเชื้อโควิดกลายพันธุ์ ว่า ตามธรรมชาติของเชื้อโควิด มีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา หากมีการแพร่เชื้อมากขึ้น จะมีโอกาสเกิดการกลายพันธุ์ได้มากขึ้น ซึ่งการเฝ้าระวังมี 2 ระดับ คือ 1.ระดับที่น่าสนใจ (Variant of Interest) ที่ต้องติดตามกันต่อ และ 2.ระดับที่น่าห่วงกังวล (Variant of Concern) เช่น สายพันธุ์อังกฤษ อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ แคลิฟอร์เนีย เป็นต้น
โดยประเทศไทยมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการในการสุ่มตรวจเพื่อเฝ้าระวังสายพันธุ์ต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดคลัสเตอร์ใหม่, พื้นที่ชายแดน, ในกลุ่มผู้ป่วยอาการหนักใส่ท่อช่วยหายใจหรือเสียชีวิต และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้จากการสุ่มตรวจหาเชื้อในประเทศไทย กว่า 1,300 ตัวอย่าง มี 93% เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ซึ่งเข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดิมก่อนหน้าแล้ว เนื่องจากแพร่กระจายได้เร็ว ส่วนความรุนแรงไม่แตกต่างจากสายพันธุ์เดิม และภูมิคุ้มกันจากวัคซีนยังได้ผล
“การตรวจด้วยวิธี RT-PCR จะทราบแค่ว่าติดเชื้อหรือไม่ แต่จะไม่ทราบสายพันธุ์ ต้องใช้วิธีการตรวจพิเศษ ใน 3 วิธี คือ การตรวจ RT PCR โดยการใช้น้ำยาเฉพาะต่อสายพันธุ์นั้น, การตรวจมุ่งเป้าเฉพาะส่วนของเชื้อไวรัส (Targeted sequencing) ใช้เวลา 1-2 วัน และการตรวจไวรัสทั้งตัว (Whole genome sequencing) ใช้เวลา 3-5 วัน มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ช่วยให้ทราบสายตระกูลของเชื้อว่ามีต้นทางมาจากที่ไหน เนื่องจากนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลการตรวจสายพันธุ์ของแต่ละประเทศที่ส่งมาเป็นข้อมูลส่วนกลางได้ เช่น การระบาดที่สมุทรสาครพบว่าเชื้อมาจากอินเดีย บังกลาเทศ และเข้ามาทางเมียนมา เป็นต้น ปัจจุบันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พัฒนาให้ตรวจวิธีดังกล่าวได้มากกว่า 380 ตัวอย่างต่อสัปดาห์ ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานระดับโลก” นพ.ศุภกิจ กล่าว
ส่วนสายพันธุ์อินเดีย หลังจากตรวจพบเบื้องต้น 36 รายที่แคมป์หลักสี่ ปัจจุบันได้ขยายการตรวจสอบ พบว่ามีการออกไปนอกบริเวณจำนวนหนึ่ง และพบว่ามีผู้ป่วยสายพันธุ์โควิดสายพันธุ์ รวม 62 ราย
นพ.ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า สายพันธุ์นี้แพร่กระจายเร็วเช่นเดียวกับสายพันธุ์อังกฤษ ความรุนแรงไม่แตกต่างกันมาก วัคซีนยังใช้ได้ ที่บอกว่าสายพันธุ์อินเดียจะหลบเข้าไปในปอด ตรวจหาเชื้อทางจมูกไม่เจอ ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด
ส่วนสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่ตรวจพบ 11 ราย ยังอยู่ใน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ไม่มีการแพร่ออกไปพื้นที่อื่น แต่ต้องมีการเก็บตัวอย่างเชื้อพื้นที่ใกล้เคียงมาตรวจเพิ่มเติม เช่น ยะลา สงขลา พัทลุง เป็นต้น ดังนั้น ขอให้ทุกคนลดการเคลื่อนย้าย ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปพื้นที่อื่น ส่วนความรุนแรงของสายพันธุ์แอฟริกาใต้ เนื่องจากประเทศไทยยังมีข้อมูลน้อยที่จะบอกความรุนแรง ส่วนต่างประเทศมีข้อมูลว่าอาจมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จึงต้องเฝ้าระวังต่อไป แต่เรารักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่และหายแล้ว 3 ราย
“แม้สายพันธุ์อังกฤษ อินเดีย และแอฟริกาใต้ จะแพร่เร็ว แต่การป้องกันโควิด ไม่ได้ยึดว่าเป็นสายพันธุ์อะไร ใช้หลักการป้องกันควบคุมโรคเหมือนกัน ทั้งใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ลดกิจกรรมเสี่ยงปาร์ตี้ สังสรรค์ลดการลักลอบข้ามแดนที่จะนำเชื้อกลายพันธุ์เข้ามา ทุกคนต้องช่วยกันเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการกลายพันธุ์ในประเทศ ส่วนประสิทธิภาพของวัคซีนต่อสายพันธุ์แอฟริกาใต้แม้จะลดลงทุกตัว ขออย่ากังวลจนไม่ไปฉีดวัคซีน เพราะสายพันธุ์นี้ยังอยู่ใน อ.ตากใบ และยังไม่ได้มาแทนที่สายพันธุ์อื่น วัคซีนยังมีผลต่อสายพันธุ์อื่นๆ ที่พบในประเทศเป็นส่วนใหญ่ จึงขอให้ทุกคนฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดอัตราป่วยและเสียชีวิต” นพ.ศุภกิจกล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/