ยอดผู้ติดโควิดรายใหม่ 3,095 เป็นคลัสเตอร์เรือนจำ 877 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 17 ราย ศบค.ปรับลดระดับสีจังหวัดทั่วประเทศ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเหลือ 4 จังหวัด รอนายกฯเคาะมาตรการผ่อนคลายร้านอาหาร คาดบังคับใช้เร็วสุดเที่ยงคืนนี้
......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิดในประเทศไทยว่า ณ วันที่ 15 พ.ค.2564 มียอดผู้ติดเชื้อใหม่ 3,095 คน แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,215 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 1,403 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 812 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 877 ราย และอีก 3 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 99,145 ราย หายป่วยเพิ่ม 1,351 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 34,913 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 1,234 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 415 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 17 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 565 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 17 ราย มาจาก กทม. 8 ราย สมุทรปราการ 3 ราย สมุทรสาคร 2 ราย ระยอง ชัยภูมิ ปทุมธานี และราชบุรี จังหวัดละ 1 ราย โดยส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ติดสุรา 1 ราย และปฏิเสธโรคประจำตัว 3 ราย ขณะที่มีประวัติเสี่ยงโดยการสัมผัสหรือใกล้ชิดสมาชิกครอบครัวที่ติดเชื้อ 5 ราย ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อยืนยัน 4 ราย ไปสถานที่แออัด 3 ราย อาศัยหรือเดินทางมาจากจังหวัดเสี่ยง 2 ราย ประกอบอาชีพเสี่ยง 2 ราย และไม่ทราบปัจจัยเสี่ยง 1 ราย
ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 2,215 ราย เป็นผู้ติดเชื้อตามพื้นที่ปัจจัยเสี่ยง แบ่งเป็น กทม. 2,040 ราย ปริมณฑล 616 ราย และจังหวัดอื่นๆ 436 ราย
โดย 10 จังหวัดที่มีอันดับผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 1,163 ราย ปทุมธานี 222 ราย สมุทรปราการ 201 ราย นนทบุรี 126 ราย สมุทรสาคร 37 ราย สุราษฎร์ธานี 34 ราย ชลบุรี 33 ราย นครปฐม 30 ราย พระนครศรีอยุธยา 29 ราย และนครศรีธรรมราช 24 ราย
และจังหวัดที่ยอดตัวเลขเป็น 0 หรือไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม มี 16 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน มหาสารคาม สุรินทร์ ตราด ตาก กำแพงเพชร ชุมพร พะเยา เลย ชัยนาท แม่ฮ่องสอน หนองบัวลำภู บึงกาฬ อุทัยธานี และสตูล
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 3 ราย ประกอบด้วย กัมพูชา 3 ราย
ขณะที่ การกระจายวัคซีนในประเทศ พบผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 28,996 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 64,692 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 2,218,420 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 1,445,428 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 772,992 ราย
@ กทม.เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง 11 คลัสเตอร์
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ว่า พบผู้ติดเชื้อ 1,779 ราย มีแนวโน้มการระบาดของโรคไม่ลดลง ทั้งยังพบผู้ป่วยหนักและใช้ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้น รวมถึงการครองเตียงผู้ป่วยอาการน้อย (Mild symptoms) โดยเฉพาะ กทม. และปริมณฑล
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ยอดผู้ติดเชื้อใน กทม. 1,163 ราย เมื่อแยกตามคลัสเตอร์กลุ่มเฝ้าระวังสูงสุด 11 คลัสเตอร์ เรียงตามลำดับอัตราการติดเชื้อสูงสุด พบว่า แคมป์คนงาน เขตหลักสี่ อัตราการติดเชื้อ ร้อยละ 21.99 บริษัทไฟแนนซ์ เขตราชเทวี อัตราการติดเชื้อ ร้อยละ 17.30 บริษัทประกัน เขตลาดพร้าว อัตราการติดเชื้อ ร้อยละ 7.70 ปากคลองตลาด เขตพระนคร อัตราการติดเชื้อ ร้อยละ 5.58 สี่แยกมหานาค /สะพานขาว /ตลาดผลไม้ อัตราการติดเชื้อ ร้อยละ 4.10 คลองถมเซ็นเตอร์ / เสือป่า / วงเวียน22 / วรจักร / โบ๊เบ๊ อัตราการติดเชื้อ ร้อยละ 4.10 ประตูน้ำ เขตราชเทวี อัตราการติดเชื้อ ร้อยละ 3.96 ชุมชนแออัด เขตคลองเตย อัตราการติดเชื้อ ร้อยละ 3.83 ที่พักคนงาน เขตคลองเตย แฟลตดินแดง เขตดินแดง อัตราการติดเชื้อ ร้อยละ 3.26 และตลาดห้วยขวาง เขตดินแดง อัตราการติดเชื้อ ร้อยละ 2.25 ทั้งนี้ในพื้นที่ กทม. มีมากถึง 27 คลัสเตอร์กระจายอยู่ใน 17 เขตหลัก โดยอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรค 20 คลัสเตอร์ โดยดำเนินการควคุมได้แล้วและใกล้ปิดการสอบสวน 7 คลัสเตอร์
@ คลัสเตอร์สุวรรณภูมิ ติดเชื้อแล้ว 105 ราย
นพ.ทวีศิลป์ ชี้แจงกรณีพบการติดเชื้อคลัสเตอร์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ผู้ติดเชื้อรวมสะสมตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.-14 พ.ค. จำนวน 105 ราย แบ่งเป็น บมจ.การบินไทย ระหว่าง 28 เม.ย. - 6 พ.ค. จำนวน 6 ราย และวันที่ 14 พ.ค. จำนวน 3 ราย บริษัทเอกชน 47 ราย ในวันที่ 5 เม.ย. จำนวน 2 ราย และวันที่ 10 พ.ค.-ปัจจุบัน 45 ราย บริษัทเอกชน วันที่ 26 เม.ย. จำนวน 3 ราย ฝ่ายบริการการขนส่ง ระหว่าง 27 เม.ย.-7 พ.ค. จำนวน 34 ราย และไปรษณีย์ ระหว่าง 23 เม.ย.- 5 พ.ค. จำนวน 12 ราย
@ ใช้แผนบับเบิลแอนด์ซีลจัดการโควิดในเรือนจำ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุม EOC ให้ความสำคัญคลัสเตอร์ใหญ่อยู่ที่เรือนจำ ไม่ใช่เพียงการรับรู้ติดเชื้อรายวัน แต่ให้ความสำคัญกับการรักษา โดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. ให้นโยบาย คือ บับเบิลแอนด์ซีล การทำงานร่วมกันของกรมควบคุมโรคกับเรือนจำ เพื่อให้เบ็ดเสร็จทั้งหมดภายใน โดยการจัดตั้งหน่วยงานเบ็ดเสร็จอยู่ในเรือนจำ ดูแลผู้ป่วยสีเขียว เหลืองและแดง ควรอยู่ภายในนั้น ด้วยการเสริมศักยภาพจากภายนอก อย่างที่ รพ.ราชวิถี ทำไอซียูนอกอาคารได้ ในรูปแบบไอซียูสนาม ที่ทุกอย่างมีความพร้อมทางการแพทย์ ซึ่งก็จะพยายามทำให้ได้ในเรือนจำ จะดีที่สุด
@ ตั้งศูนย์เอราวัณเป็น One Stop Service จัดการเตียง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการบริหารจัดการเตียง โดยมอบหมายให้ ศูนย์เอราวัณ สายด่วน 1669 เป็นศูนย์ข้อมูลบริหารจัดการเตียง แบบ One Stop Service รวมเรื่องการบริหารจัดการเตียง คัดแยกผู้ป่วยที่จุดเดียว โดยจะกระจายต่อสนามกีฬานิมิบุตร โรงพยาบาลบางขุนเทียน โรงพยาบาลสนามบุษราคัม อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาให้เร็วที่สุด ทั้งนี้จะต้องมีเครื่องเอกซ์เรย์โมบาย ส่งฟิล์มผ่านคอมพิวเตอร์ เพื่อให้อ่านผลเบื้องต้นได้เลย
@ ปรับลดระดับสีจังหวัดทั่วประเทศ
นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. ได้มีมติปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วประเทศ จากเดิมพื้นที่สีแดงเข้ม พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มี 6 จังหวัด คือ กทม. ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ปรับลดลงเหลือเพียง 4 จังหวัด คือ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ พื้นที่สีแดง พื้นที่ควบคุมสูงสุด จากเดิม 45 จังหวัด ปรับเป็น 17 จังหวัด และพื้นที่สีส้ม พื้นที่ควบคุม จากเดิม 26 จังหวัด ปรับเป็น 56 จังหวัด
@ รอนายกฯเคาะมาตรการนั่งกินในร้านอาหาร
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงมาตรการผ่อนคลายนั่งร้านอาหารในแต่ละพื้นที่ควบคุม ว่า พื้นที่ควบคุมเข้มงวดสูงสุด สามารถนั่งรับประทานในร้านอาหารได้ไม่เกิน 25% ไม่เกินเวลา 21.00 น. และซื้อกลับบ้านได้ ไม่เกิน 23.00 น. พื้นที่ควบคุมสูงสุด สามารถนั่งกินในร้านอาหารได้ ไม่เกิน 23.00 น. พื้นที่ควบคุม สามารถนั่งกินในร้านอาหารได้ตามปกติ และทุกพื้นที่ควบคุม ห้ามเรื่องการดื่มสุราในร้าน เพราะการดื่มสุราหรือแอลกอฮอล์ เป็นแหล่งของการทำให้เกิดการติดต่อของเชื้อไวรัสได้ ทั้งนี้รอการพิจารณาเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี คาดการณ์ว่าจะมีผลบังคับใช้อย่างเร็วที่สุด เที่ยงคืนของวันที่ 15 พ.ค.64 หรืออย่างช้า คือ วันที่ 16 พ.ค.64
@ ทั่วโลกป่วย 692,023 ราย สะสม 161.08 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 692,023 ราย รวม 162,525,588 ราย อาการหนัก 103,604 ราย หายป่วย 140,387,173 ราย เสียชีวิต 3,371,049 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 38,285 ราย รวม 33,664,013 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 733 ราย รวม 599,314 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 326,123 ราย รวม 24,372,243 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3,879 ราย รวม 266,229 ราย บราซิล พบเพิ่ม 84,486 ราย รวม 15,521,313 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2,189 ราย รวม 432,785 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 93 ของโลก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/