ป่วยใหม่ 1,919 คน สะสม 86,924 ราย หายป่วยเพิ่ม 1,829 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวใน รพ. 29,435 ราย ตายเพิ่ม 31 ราย ด้านศบค.ชงผ่อนคลาย-ฉีดวัคซีน ให้ผู้ค้าร้านอาหาร
......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2564 เวลา 12.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวัน มียอดผู้ติดเชื้อใหม่ 1,919 คน แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,902 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 1,318 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 548 ราย และอีก 17 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 86,924 ราย หายป่วยเพิ่ม 1,829 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 29,435 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 1,207 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 390 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 31 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 452 ราย
สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 1,902 ราย เป็นผู้ติดเชื้อตามพื้นที่ปัจจัยเสี่ยง แบ่งเป็น กทม.และปริมณฑล 1,281 ราย และจังหวัดอื่นๆ 621 ราย
โดย 10 จังหวัดที่มีอันดับผู้ติดเชื้อโควิดสูงสุด ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 855 ราย ปทุมธานี 160 ราย นนทบุรี 141 ราย จันทบุรี 89 ราย ชลบุรี 73 ราย สมุทรปราการ 70 ราย ระนอง 44 ราย สุราษฎร์ธานี 42 ราย นครราชสีมา 38 ราย และสมุทรสาคร 35 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 17 ราย ประกอบด้วย อินเดีย 11 ราย ปากีสถาน 1 ราย ฟิลิปปินส์ 1 ราย แอฟริกา 1 ราย และ กัมพูชา 3 ราย
ขณะที่ การกระจายวัคซีนในประเทศ พบผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 69,552 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 19,008 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 1,898,454 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 1,365,992 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 532,462 ราย
@ ตายเพิ่ม 31 ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย-มีโรคประจำตัว
สำหรับผู้เสียชีวิต 31 ราย มาจาก กทม. 17 ราย นนทบุรี สุพรรณบุรี ชลบุรี นครศรีธรรมราช จังหวัดละ 2 ราย และนครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ ลำปาง เชียงใหม่ พิจิตร จังหวัดละ 1 ราย มีอายุระหว่าง 34 - 94 ปี โดยส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว และปฏิเสธโรคประจำตัว 5 ราย ขณะที่มีประวัติเสี่ยงโดยการสัมผัสหรือใกล้ชิดสมาชิกครอบครัวที่ติดเชื้อ 17 ราย สัมผัสเพื่อนที่ติดเชื้อก่อน 3 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยัน 4 ราย ไปพื้นที่แออัด 2 ราย มาจากพื้นที่เสี่ยง 2 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยัน 1 ราย มีอาชีพเสี่ยง 1 ราย และไม่ทราบปัจจัยเสี่ยง 4 ราย
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงจากผู้เสียชีวิตทั้งหมด 327 ราย พบว่า ผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว 86% และ ไม่มีโรคประจำตัว 14 % มีอายุระหว่าง 24 - 100 ปี มีอายุมัธยฐาน 65 ปี และจังหวัดที่พบผู้เสียชีวิตสูงสุด 5 อันดับ ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 151 ราย คิดเป็น 46% สมุทรปราการ 24 ราย คิดเป็น 7% นนทบุรี 23 ราย คิดเป็น 7% ปทุมธานี 12 ราย คิดเป็น 4% และเชียงใหม่ 10 ราย คิดเป็น 3%
"ด้วยข้อมูลดังกล่าว จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลถึงอยากให้กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มเสี่ยงได้รับวัคซีนก่อน เนื่องจากวัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงของโรคลงได้อย่างชัดเจน ที่ป่วยจะป่วยน้อย ที่ขนาดต้องเสียชีวิต จะลดอัตราการเสียชีวิต ซึ่งพิสูจน์กันมาแล้วทั่วโลก จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าวัคซีนคือทางออกของเรา" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
@ ไม่พบผู้ติดเชื้อรายวัน 17 จังหวัด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงแผนที่แสดงจังหวัดการพบผู้ติดเชื้อรายวันว่า มี 17 จังหวัดในประเทศไทยที่มีพื้นที่สีขาวเพิ่มขึ้น พร้อมขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด นาแพทย์สาธารณสุขจังหวัด คณะทำงานทุกภาคส่วน และประชาชนในพื้นที่จังหวัดชัยนาท แพร่ อุตรดิตถ์ หนองคาย อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุทัยธานี สตูล พัทลุง ศรีสะเกษ ลำพูน นครพนม ตราด สกลนคร และเลย ที่ได้ทำงานและทำหน้าที่พลเมืองไทยอย่างดีที่สุด เพื่อให้โรคนี้หายไปจากประเทศโดยเร็ว
@ ชงผ่อนคลายมาตรการ-ฉีดวัคซีน ให้ผู้ค้าร้านอาหาร
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการร้านอาหารที่ประสบความเดือดร้อน ถึงการผ่อนคลายมาตรการหลังครบ 14 วันว่า หากสถานการณ์ดีขึ้นจะมีมาตรการผ่อนคลายอย่างแน่นอน ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องมีวิธีการในการดูแลป้องกันในการดูแลตัวเอง และลูกค้าไม่ให้ติดเชื้อด้วย ดังนั้นขอให้สมาคมผู้ประกอบการและสาธารณสุข ไปร่วมกันพิจารณาในส่วนนี้ ส่วนการจะจัดสรรการฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกอบการร้านได้หรือไม่นั้น ขณะนี้ได้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำไปพิจารณาว่าจะสามารถแบ่งบางส่วนให้กลุ่มผู้ประกอบการได้หรือไม่ เนื่องจากจะได้ช่วยให้คนทำร้านอาหาร ผู้ประกอบการร้านอาหารปลอดภัย
@ ยันคุมเข้มเฝ้าระวังเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการเฝ้าระวังเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย และการเดินทางกลับบของข้าราชการสถานทูตไทยในอินเดียติดโควิด 3 ราย ว่า ทางศบค.ให้ความสำคัญ จะมีการตรวจเป็นระยะ ๆ โดยใช้การตรวจด้วยระบบจีโน่ ซึ่งจะใช้แลปขั้นสูงสุด ด้วยความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งจะช่วยตรวจและมอนิเตอร์ให้ ดังนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ศบค.ได้เปลี่ยนความกังวลมาเป็นกระบวนการตรวจสอบที่เข้มขึ้นแล้ว ส่วนข้าราชการสถานทูตไทยในอินเดียจะเดินทางกลับมา ถือว่าเป็นสิทธิของคนไทยที่จะกลับมา และเราจะต้องดูแล
"ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเชื้อโควิดไม่ว่าสายพันธุ์ใด จะต้องมีการตรวจต่อ การเข้ามาในช่องทางที่ถูกต้อง เราก็ยังรู้และสามารถดูแลได้ แต่สิ่งที่เราไม่ทราบคือการหลบหนีเข้ามาช่องทางธรรมชาติ ซึ่งล่าสุดพบว่ามีการลักลอบเข้ามาที่พรมแดนจังหวัดกาญจนบุรี และจับได้หลาย 10 คน ตรงนี้ยังน่าห่วง เนื่องจากเราจะไม่สามารถควบคุมโรคได้" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
@ คาดกระจายฉีดวัคซีนกลุ่มอื่น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงสถานการณ์การจองฉีดวัคซีนของกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงว่า ขณะนี้การการจองฉีดวัคซีนเพียงกว่า 1 ล้านราย จากเป้าหมายที่จะมอบให้ 16 ล้านโดส ซึ่งได้ประสานกระทรวงสาธารณสุขแล้วว่าอาจมีการขยายกลุ่มเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มต่อไป
@ พร้อมอำนวยความสะดวก เร่งกระจายวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไทย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า การส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จะมีการผลิต และการตรวจสอบคุณภาพ เป็นไปตามแผนด้วยดี แต่วันเวลาที่จะมีการฉีดเร็วหรือล่าช้ากว่าแผน ยังไม่มีข้อสรุป แต่ทุกภาคส่วน ผู้บริหารของสาธารณสุข และบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด จะเร่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เนื่องจากเมื่อผลิตเสร็จจะต้องผ่านการตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตามมาตรฐานระดับโลกขั้นสูงสุด เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างดี
@ ทั่วโลกป่วย 611,096 ราย สะสม 159.59 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 611,096 ราย รวม 159,596,606 ราย อาการหนัก 106,439 ราย หายป่วย 137,259,864 ราย เสียชีวิต 3,317,492 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 30,152 ราย รวม 33,515,308 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 370 ราย รวม 596,179 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 329,517 ราย รวม 22,991,927 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3,879 ราย รวม 250,025 ราย บราซิล พบเพิ่ม 29,240 ราย รวม 15,214,030 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,018 ราย รวม 423,436 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 99 ของโลก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/