กระทรวงการต่างประเทศ สั่งระงับการออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าไทย ให้แก่ชาวต่างชาติที่มาจาก 3 ประเทศ 'ปากีสถาน บังกลาเทศ เนปาล' เหตุพบเชื้อ 'โควิดสายพันธ์ุอินเดีย' แต่ไม่ได้ห้ามคนไทย
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2564 นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยหลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พบว่ามีผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศรายหนึ่งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย B 1617.1 ว่า ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 (ศปก.ศบค.) มีการหารือเกี่ยวกับการพบโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.617.1 ถูกพบครั้งแรกที่ประเทศอินเดียในผู้เดินทางจากประเทศปากีสถาน ที่ประชุมขอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาระงับการออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (ซีโออี) ให้ชาวต่างชาติที่มาจากประเทศที่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียจำนวนมาก ทั้งนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่าจะระงับการออกซีโออีให้ชาวต่างชาติที่มาจากประเทศปากีสถาน บังกลาเทศ และเนปาล ตั้งแต่วันนี้ (10 พ.ค.)
"มาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการชั่วคราวในช่วงที่ต้องระวังเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียเข้าประเทศ และเป็นมาตรการสำหรับชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่มาจาก 3 ประเทศดังกล่าว แต่ไม่ได้ห้ามคนไทย ดังนั้น คนไทยยังสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้" นายธานี กล่าว
นายธานี กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี และสถานกงสุลใหญ่ในอินเดีย ระงับการออกเอกสาร COE ให้กับชาวอินเดีย ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการชั่วคราวในช่วงที่ต้องระวังเชื้อกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกที่อินเดียเข้าประเทศ หลังจาก ศบค. ได้แสดงความเป็นห่วงหลังพบสายพันธุ์ Indian various ครั้งแรกในประเทศไทยจากหญิงไทย อายุ 42 ตั้งครรภ์ 25 สัปดาห์มีภูมิลำเนาก่อนหน้านี้อยู่ที่ปากีสถาน เดินทางมาถึงไทยตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2554 โดยมีการแวะพักเครื่องที่มุมไบ อินเดีย เดินทางมาพร้อมบุตรชาย 3 คนอายุ 4 ปี 6 ปีและ 8 ปี เมื่อเดินทางมาตามระบบก็ถูกจัดสรรให้อยู่ใน state quarantine โดยอาศัยร่มกับบุตรชายอายุ 4 ขวบ พบว่า 26 เมษายนมีการตรวจภูมิประเทศที่ 1 และบุตรอายุ 4 ปียืนยันติดเชื้อ และลูกชายอีก 2 คนเป็นผลลบ
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายธานี จากแฟ้มภาพ ที่มาจาก https://image.bangkokbiznews.com/
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/