หอการค้าไทย เผย ภาคเอกชนไม่จำเป็นต้องจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม หลังรัฐบาลแจ้งว่าปริมาณวัคซีนที่จะจัดหามีเพียงพอต่อทุกคน ขณะที่นายกฯ ตั้ง 'สุพัฒนพงษ์' แม่งาน 'ทีมไทยแลนด์' ตัวกลางประสานงานภาครัฐ-เอกชน วางแผนกระจายฉีดวัคซีนทั่วประเทศ
--------------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2564 หอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประกาศเรื่องการดำเนินงานด้านการจัดหาวัคซีนทางเลือก ระบุว่า จากการประชุมร่วมกับรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมเป็นประธาน รัฐบาลได้แสดงความขอบคุณที่หอการค้าไทยและภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมเสริมการทำงานของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความพยายามในการจัดหาวัคซีนทางเลือก เพื่อฉีดให้กับพนักงานของตนเอง ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้แจ้งว่าปริมาณวัคซีนที่ภาครัฐจัดหามานั้น มีจำนวนที่เพียงพอต่อการความต้องการของประชาชนทุกคน พร้อมเร่งดำเนินการในการนำเข้าวัคซีน ซึ่งกำลังทยอยเข้ามาเป็นลำดับ ดังนั้นภาคเอกชนจึงไม่จำเป็นต้องมีการจัดหามาเพิ่มเติม และจะได้ไม่เป็นภาระในเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งภาคเอกชนต่างก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของหอการค้าไทย ซึ่งเปิดรับแจ้งความประสงค์ของบริษัทเอกชน ที่ต้องการฉีดวัคซีนทางเลือกเพื่อฉีดให้กับพนักงานของตนเองนั้น หอการค้าไทยจะรวบรวมข้อมูลความต้องการดังกล่าวที่ได้มีการแจ้งเข้ามาแล้ว ส่งต่อให้กับภาครัฐ เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดหาลำดับการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม สำหรับในแต่ละพื้นที่ หรือประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ต่อไป สำหัรบการแจ้งความประสงค์ในการเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการดำเนินงานอื่นๆ หอการค้าไทยยังยินดีรับการสนับสนุนนั้นๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นต่อไป
หอการค้าไทยและเครือข่ายยังเชื่อมั่นว่า หากคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำลังความสามารถ จะทำให้ประเทศไทยของเราฝ่าวิกฤติโควิดนี้ไปได้อย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คณะกรรมการหอการค้าไทย เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อหารือและนำเสนอแนวทางการทำงานของหอการค้าไทยในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย
@ จัด 4 ทีมวางแผนฉีด-กระจายวัคซีน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เรื่องที่เราได้นำเสนอนายกรัฐมนตรี เป็นแผนในระยะ 99 วันแรก มี 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.เร่งรัดจัดหาวัคซีนให้มีจำนวนมากที่สุดและสามารถกระจายฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึงมากที่สุด ซึ่งประเด็นนี้ นายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุขยืนยันว่า ภาครัฐทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว และมีแผนที่จะจัดหาวัคซีนฉีดให้คนไทย 70% ภายในปี 2564 นอกจากนั้นยังได้จัดคณะทำงาน 4 ทีม เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีน ดังนี้
TEAM A : ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน (Distribution and Logistics) เพื่อสนับสนุนสถานที่เพิ่มเติมจากภาคเอกชน ในการจัดทำหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ไปยังจุดต่าง ๆ รวมถึงใช้พื้นที่โรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรม เป็นพื้นที่ฉีดวัคซีน คาดว่า ใน กทม.จะเสริมการฉีดวัคซีนได้เพิ่มอีกประมาณ 2 หมื่นกว่าคนต่อวัน
TEAM B : ทีมการสื่อสาร (Communication) สนับสนุนการสื่อสารข้อมูลให้ประชาชนทั่วไป สร้างการรับรู้ให้กับสังคม เชิญชวนประชาชนมารับการฉีดวัคซีนในสถานที่ที่พร้อมและรายงานความคืบหน้าที่เกี่ยวข้อง เชื่อมโยงระบบ “หมอพร้อม”
TEAM C : ทีมเทคโนโลยีและระบบ (IT Operation) เพื่อจัดระบบลงทะเบียนให้รวดเร็วและระบบการติดตามตัวอย่างมีประสิทธิภาพ และ
TEAM D : ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม (Extra Vaccine procurement) ร่วมกับภาครัฐและเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน โดยจะไปสำรวจความต้องการฉีดวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาล
นายกลินท์ สารสิน ประธานอาวุโสหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภายหลังการหารือนั้น เรามีความมั่นใจว่าการจัดซื้อวัคซีนที่ภาครัฐจะทำจะมาในปีนี้ทั้งหมด 100 ล้านโดส คิดว่าครอบคลุมคน 50 ล้านคน และบ่งบอกแล้วว่า การจัดซื้อจะเป็นของรัฐ และรัฐบาลอยากให้เอกชนช่วยด้านกระจายการฉีดซึ่งเราวางแผนจัดสถานที่ใน กทม. รวมถึงเตรียมการกระจายสถานที่ฉีดในต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตอนนี้มีการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนที่จะสื่อสารกันให้ชัดเจนว่าเมื่อไรจะได้ฉีด ฉีดที่ไหนได้บ้าง โดยจะใช้ระบบไอทีเข้ามาช่วย เราค่อนข้างมั่นใจว่า พวกเราทุกคนปลอดภัย และมีการวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว
@ เร่งปล่อยกู้เอสเอ็มอี นำร่องกลุ่มค้าปลีก ตั้งเป้า 99 วันช่วย 1 แสนราย
นายสนั่น กล่าวอีกว่า 2.นอกจากนั้นยังได้คุยถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งได้ข้อสรุปว่า เอกชน สถาบันการเงิน และผู้ค้า จะจัดระบบในการเชื่อมโยงเพื่อทำให้การปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเริ่มต้นจากคลัสเตอร์กลุ่มค้าปลีก ก่อนที่จะขยายไปถึงกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์หรือไฟฟ้า และกลุ่มจัดซื้อจัดจ้างของเอสเอ็มอีต่อภาครัฐ เป็นต้น และ 3.การอำนวยความสะดวกให้กับผู้ลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติ นายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดการแก้กฎระเบียบหรือกฎหมายต่างๆ เพื่อทำให้เกิดการลงทุนได้สะดวกยิ่งขึ้น
ขณะที่ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า สมาคมค้าปลีกได้เริ่มทดลองทำ Sandbox ของกลุ่มค้าปลีก เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยที่มีข้อมูลของลูกค้าประมาณ 6 พันราย ซึ่งให้ธนาคารพาณิชย์ลองพิจารณาอยุ่ คาดว่า 3 พันรายน่าจะอนุมัติได้ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนอีก 1 พันรายน่าจะดำเนินการได้ภายในสัปดาห์หน้า และจะเป็นตัวอย่างที่จะสามารถกระจายไปถึงธุรกิจและธนาคารพาณิชย์อื่นๆ โดยการทำตัวอย่างครัง้นี้ เห็นชัดว่า 70% เป็นกลุ่มเอสเอ็มอีที่ไม่เคยได้รับการเข้าถึงสินเชื่อมาก่อน ซึ่งเรามีเป้าหมายว่า 99 วันแรกจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ได้ประมาณ 1 แสนราย
@ เสริม 14 สถานที่ช่วย กทม.ฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละ 2 หมื่นราย
นายกฤษณะ วจีไกรลาศ กรรมการเลขาธิการหารค้าไทย กล่าวด้วยว่า ภาคเอกชนได้ประสานงานกับศูนย์การค้าและสำนักงานใหญ่ของบริษัทหลายแห่งที่มีพื้นที่เพียงพอ โดยเรามีบริษัท 66 แห่งเสนอตัวทั่ว กทม. เราได้ทำการคัดเลือกร่วมกับทีมแพทย์ ภายใต้นโยบายของกรุงเทพมหานคร จึงได้ทำการคัดเลือก 14 แห่งทั่ว กทม. ที่จะช่วยฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้วันละ 2 หมื่นคน ทั้งนี้หากมีวัคซีนมาเพิ่ม เราสามารถเร่งศักยภาพฉีดได้ประมาณ 3 หมื่นคนต่อวัน นอกจากนี้ยังมีห้างค้าปลีก 200 กว่าแห่งทั่วประเทศพร้อมเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย
@ ตั้ง ‘สุพัฒนพงษ์’ แม่งานทีมไทยแลนด์ประสานรัฐ-เอกชน
บ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและเอกชน โดย นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางความร่วมมือ โดยใช้กลไกจากเอกชนที่เข้าช่วยในการจัดหาจุดฉีดและกระจายวัคซีนในกทม.และปริมณฑล ในส่วนของต่างจังหวัดผ่านกลไก กกร. พร้อมทั้งร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย ในการเร่งรัดจัดหาสถานที่ การกระจายวัคซีน และการเตรียมบุคลากรมาช่วยในจุดฉีดวัคซีน
ส่วนเรื่องการประชาสัมพันธ์ ภาคเอกชนจะเข้ามาช่วยภาครัฐในการประชาสัมพันธ์การจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น ส่วนเรืองระบบสนับสนุนระบบงานต่างๆ ที่ปัจจุบันมีการให้ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น ‘หมอพร้อม’ ซึ่งภาคเอกชนจะเข้ามาช่วยสนับสนุนด้วย โดยนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เป็นแม่งานประสานงานกับภาคเอกชน และให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประสานในรายละเอียดกับภาคเอกชนโดยให้เริ่มทำงานร่วมกันตั้งแต่วันพรุ่งนี้
ด้านนายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึง ข้อเสนอใน 4 ด้าน คือ 1.การจัดเตรียมสถานที่ในการกระจายวัคซีน ซึ่งทางหอการค้าได้เตรียมไว้แล้วร่วมกับกทม. ในส่วนต่างจังหวัดมีการเตรียมสถานที่ผ่าน กรอ.จังหวัด รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมต่างๆด้วย 2.ด้านประชาสัมพันธ์ ทางหอการค้า ร่วมกับทางกูเกิล เฟสบุ๊ค หน่วยงานประชาสัมพันธ์ต่างๆในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง 3.การอำนวยความสะดวก ทางภาคเอกชนยินดีช่วยเรื่องเครื่องใช้เครื่องมือ โดยเฉพาะเรื่องของระบบหมอพร้อม และ 4.การจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม มีแผนฉีดชัดเจนที่จะให้มีการฉีดให้ครบ 100 ล้านโดส พร้อมทั้งได้รับคำยืนยันจากทางสถาบันวัคซีน ว่า ไม่ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนของภาคเอกชน จึงอยากให้ภาคเอกชนสบายใจได้
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า ขอให้ภาคเอกชนและประชาชน สบายใจได้ ว่า ภายในปีนี้ประชาชนและผู้ที่ทำงานในประเทศไทย รวมถึงแรงงานได้รับการฉีดวัคซีนแน่นอน ซึ่งรัฐบาลจยืนยันจะจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดส ครอบคลุม 70 % ของประชาชนทั้งประเทศ
“ถ้าเป็นลักษณะนี้ก็สบายใจได้ว่า เราสามารถจะเปิดประเทศได้ ต้นปีหน้า ภาคเอกชนตั้งใจที่จะสนับสนุนในการทำงานร่วมกับทางภาครัฐ และคิดว่า ความร่วมมือเหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจของเราขับเคลื่อนไปได้ แม้แต่ที่เราเรียกว่าภูเก็ตแซนบอกซ์โมเดลที่จะเกิด 1 ก.ค. ถ้าเป็นลักษณะนี้ ก็คิดว่าไม่พลาด และผมคิดว่า ได้ตั้งวัคซีนทีมไทยแลนด์เกิดขึ้นแล้ว” นายสนั่น กล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/