แฉกลุ่มทุนไม่กลัวกฎหมาย! ป่าไม้ชงดีเอสไอสอบคดีรุกป่าเทือกเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต

pictrfffffsdsdsdsdsd11 3 64

กรมป่าไม้ส่งหนังสือดีเอสไอขอให้รับคดีรุกเขานาคเกิดป่าเหนือเขื่อนบางวาด อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต 108 ไร่ เป็นคดีพิเศษแล้ว แฉพฤติกรรมกลุ่มทุนผู้มีอิทธิพล ไม่ยำเกรงกฏหมาย ขณะที่ ตร.ส่งเครื่องจักรกล เก็บรักษาหน่วยรักษาป่า

......................................

กรณีเครือข่ายผู้มีอิทธิพลร่วมกันบุกรุกป่าเหนือเขื่อนบางวาดป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานาคเกิดโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐอย่างน้อยสองหน่วยงานคุมครองตามที่พยานปากสำคัญยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จนนำไปสู่การจับกุมพื้นที่และ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และยึดแบ็คโฮลที่น่าเชื่อว่าเป็นเครื่องมือในการทำลายป่าตามข่าวก่อนหน้านี้

(เรื่องเกี่ยวข้อง:ตัดถนน 830 เมตร! คดีใหม่รุกป่าเทือกเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต ป่าไม้ลุยแจ้งจับเพิ่ม)

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ พนักงานสอบสวน สภ.กะทู้ ได้มีหนังสือประสานหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.2 กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ให้รับของกลางซึ่งเป็นแบ็คโฮจำนวน สองคัน นำไปเก็บรักษาไว้ที่ ทำการ หน่วยป้องกันรักษาป่ากะรน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จาก กอ.รมน.ภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.2 ติดป้ายแสดงอาณาเขตว่าเป็นพื้นที่ที่มีการจับกุมดำเนินคดีอยู่ในคดีนี้ ตามความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้

ขณะที่นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ ปฎิบัติราชการแทนอธิบดีกรมป่าไม้ ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุดที่ ทส 1605.53/4776 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2564 ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่องขอให้พิจารณาเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ ระบุว่า ด้วยกรมป่าไม้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการตรวจสอบและตรวจยึดพื้นที่บุกรุกเนื้อที่ประมาณ 108-3-43 ไร่ ตรวจยึดไม้ของกลางจำนวน 18 ต้น/ท่อน ปริมาตร 14.02 ลูกบาศก์เมตร เหตุเกิดที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิด ตำบลกะทู้ อ.กะทู้ จังหวัดภูเก็ต แจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนตำรวจกะทู้ ตาม ปจว.ข้อ3 เวลา 19.00 คดีอาญาที่ 46/2564 ลงวันที่22 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช2484 มาตรา 11 ,54,55 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ค่าเสียหายภาครัฐ 16,328,628 บาท (สิบหกล้านสามแสนสองหมื่นแปดพันหกร้อยยี่สิบแปดบาทถ้วน) รายละเอียดตามที่ส่งมาด้วย

ในหนังสือยังระบุอีกว่ากรมป่าไม้พิจารณาแล้วขอเรียนว่า การกระทำผิดกฎหมายรายนี้ เกิดขึ้นในท้องที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ พฤติกรรมแห่งคดีเป็นการกระทำโดยกลุ่มทุนหรือผู้มีอิทธิพลที่ไม่ยำเกรงต่อกฏหมาย และเป็นกรณีที่ต้องด้วยพระราชบัญญัติการสอบสวนคดพีพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติมตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติม ตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดีดังกล่าวยิ่งกว่า จึงขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษโปรดพิจารณาเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ทั้งนี้ผลการพิจารณาเป็นประการใดโปรดแจ้งกรมป่าไม้ทราบด้วย จะขอบคุณยิ่ง

news dsi 1103 doc

แหล่งข่าวอดีตข้าราชการด้านความมั่นคงคนหนึ่ง กล่าวว่า คดีบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตต่อเนื่องหลายพื้นที่ สาเหตุหลักอย่างหนึ่งเนื่องจากข้าราชการประจำบางหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบอยู่ในพื้นที่อยู่นานส่งผลให้การดำรงค์ชีพในจังหวัดภูเก็ตมีความจำเป็นที่ต้องอยู่ให้ได้ในสภาวะที่ ต้องรับแขกพีน้องเพื่อนฝูงที่เดินทางมาท่องเที่ยว ประจวบกับค่าครองชีพที่สูงจัวหวัดเล็กผู้ที่มีศักยภาพเป็นที่รู้จักการทั่วถึง หากบุคคลที่มีศักยภาพกระทำความผิดขึ้นก็ลำบากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ จึงเข้าสำนวนไทย ที่ว่า หลูบหน้าปะจมูก จากสำนวนไทยนี้จึงต้องการฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า หากเข้าเงื่อนไงขอให้รับเป็นคดีพิเศษและคัดสรรคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ทำงานจริงจังมีฝีมือลงมาเคลียคลายคดีป่าไม้ที่ดินในจังหวัดภูเก็ตเพราะป่าทุกป่าของจังหวัดภูเก็ตเหมือนชีวิตชาวภูเก็ตและเชื่อว่าหมดป่าภูเก็ตก็คงหมดศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวและการดำรงค์ชีพของประชาชน

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ต้นสังกัดเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการคุมรถแบ็คโฮ รุกป่าในครั้งนี้ได้ย้ายเปลี่ยนหน่วยงานและภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งแล้ว โดยย้ายขาดจากภาระหน้าที่ด้านดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ที่ดิน ไปเป็น ภาระหน้าที่ป้องกันการทุจริตโดยที่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

news dsi 1103 pic1