ป่าไม้แจ้งจับขบวนการ บุกรุกป่าบนเทือกเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต กว่า 100 ไร่ หลังลงพื้นที่ตรวจสอบแน่ชัด คาดเป้าประสงค์ธุรกิจท่องเที่ยว รายงานอธิบดีขอดีเอสไอลุยต่อ พันพันเครือญาติ ขรก. นักการเมือง สืบทางลับส่อเชื่อมโยงคดีสังหารโหดเจ้าของผู้บุกรุกรายแรก
......................................
สืบเนื่องจากกรณีมีการบุกรุกตัดถนนแผ้วถางป่าบนเทือกเขานาคเกิด เหนือเขื่อนบางวาด เชื่อมต่อสองอำเภอ กลางเกาะภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตนั้น เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 22 มกราคม 2564 นายสมหมาย เมืองฉิม หัวหน้าห้องป้องกันรักษาป่า ที่ ภก.2 กะรน จ.ภูเก็ต ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.อดิศร จูห้อง ร้อยเวรสอบสวน สภ.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ในข้อกล่าวหาการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งพนักงานสอบสวน รับไว้สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด เลขคดีอาญาที่ 46/64
ทั้งนี้ ชุดพยัคฆ์ไพรใต้ นำโดย นายศุภชัย สุกใส และ เจ้าหน้าที่ป่าไม้จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ได้สนธิกำลังแบ่งภาระกิจกันสืบสวนสอบสวนวัดพื้นที่พิสูจน์ทราบไม้ เกาะรอยเครื่องจักรกลหนักที่ใช้ในการแผ้วถางทำลายป่า ตั้งแต่เข้าพื้นที่ตามที่มีผู้ร้องแจ้ง เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 ที่ผ่านมาปรากฏความคืบหน้า ดังนี้
สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ได้ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินตามพิกัดรอบที่ดินที่ N 7 องศา 52 ลิปดา 47 ฟิลิปดา E 98 องศา 20 ลิปดา 43 ฟิลิปดา แล้ว ไม่พบว่า ส่วนราชการใด ออกเอกสารสิทธิ์ใด ให้เป็นกรรมสิทธิ์ที่ดินของใคร ไม่มี น.ส. น.ส.3 ก โฉนดที่ดินแต่อย่างใด และ ไม่มีใครนำเอา ส.ค. 1 มาแสดงสิทธิ์ต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้แต่อย่างใด ในการตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องจักรกลหนัก ซึ่งเป็นแบกโฮ ยี่ห้อ CAT สีเหลือง ตามคลิปที่ผู้พบเห็นการกระทำความผิด ได้ถ่ายไว้ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้นั้น เจ้าหน้าที่ได้ติดตามแกะรอยจนพบเครื่องจักรกลหนักที่ใช้เป็นอุปกรณ์ในการกระทำความผิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยัง ได้เข้าพบ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และ ได้แจ้งถึง เจ้าหน้าที่รัฐที่ พยานได้ชี้ภาพถ่าย ว่าเป็นผู้ที่คุมครองบัญชาการให้แบกโฮล ทำลายป่า ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เข้าหารือ กับนายตะวัน สุขยิรัญ อัยการจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากในแนวทางสืบสวน พบว่า ผู้ที่น่าจะร่วมกันกระทำความผิด น่าจะมีญาติทำงานอยู่ในสำนักงานอัยการแห่งหนึ่ง ร่วมถึงแนวทางในการแจ้งข้อกล่าวหา กับผู้ที่ร่วมกระทำความผิด
และในทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยังพบอีกว่า เมื่อประมาณ ปีเศษ มีเจ้าของที่ดินรายหนึ่งถูกยิงตาย ในพื้นที่ เกิดเหตุและในเวลาต่อมา กลุ่มเครือข่าย ที่น่าจะอยู่ในข่ายกระทำความผิดร่วมกันในครั้งนี้ซึ่งเป็นผู้ที่ศักยภาพสูง เป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับบริหารและมีกำลังทรัพย์อยู่ในกลุ่มผู้มีฐานะ ขอซื้อที่ดินจากทายาทของเจ้าของที่ดินที่บุกรุกบุกเบิกสร้างสวนในราคาที่ถูก นอกจากนั้นชุดเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยังพบอีกว่า ผู้ที่มาบัญชาการให้จักรกลหนักทำลายป่าในครั้งนี้มีสายสัมพันธ์กับผู้บริหารขององค์กรท้องถิ่น สอง-สามแห่ง
นายศุภชัย เปิดเผยว่า พิจารณาจากพฤติการณ์ที่กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ ทำลายป่าต้นน้ำกลางเกาะภูเก็ต ในครั้งนี้ ไม่น่าจะมีเป้าหมายเพื่อการเกษตร แต่น่าจะมีเป้าหมายเพื่อการท่องเที่ยว เพราะ พื้นที่ที่ถูกบุกรุกสามารถมองเห็นวิวภูเก็ต ได้อย่างกว้างขวางหลายอ่าว มูลค่าที่ดินถ้าสามารถเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้น่าจะมีมูลค่าสูงมาก ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิด สภาพที่ตัดถนนผ่านเป็นป่าที่มีความสมบูรณ์มากเป็นป่าต้นน้ำอยู่เหนือเขื่อนบางวาด ซึ่งเป็นเขื่อนเป็นแห่ลงน้ำดิบสำคัญของชาวภูเก็ต และนักท่อเที่ยว ที่มาท่องเที่ยวภูเก็ต
“มีการลงทุนสูงในการดำเนินการและน่าเชื่อว่ากลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดต้องมีศักยภาพสูงพื้นที่ที่ถูกทำลายมากถึง 108 ไร่”
ทางด้านนายบุญลาภ สุกใส ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 12 สาขากระบี่ เปิดเผยในขณะที่ตรวจพื้นที่เกิดเหตุว่า ถ้าเจ้าของที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ที่ดินก็ให้นำไปแสดงต่อพนักงานสอบสวน สภ.กะทู้ ท้องที่เกิดเหตุ ในส่วนของคณะเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จะดำเนินการส่งเรื่องไปยังศูนย์พิทักษ์ไพรกรมป่าไม้ เสนอท่านอธิบดีกรมป่าไม้เพื่อส่งคดีไปยังกรมสอบสวนคคีพิเศษ เนื่องจากการกระทำความผิดพื้นที่มากกว่า 100 ไร่ ซึ่งเข้าเงื่อนไงการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ
“ผู้ที่ร่วมกระทำความผิดยังคงต้องสืบสวนในทางลับต่อไปและอยากจะฝากบอกพี่น้องประชาชนที่พบการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ขอให้แจ้งมาที่กรมป่าไม้ได้ทุกที่ทุกหน่วยป้องกันหรือศูนย์ป่าไม้จังหวัด เจ้าหน้าที่ป่าไม้ พร้อมที่จะเข้าตรวจสอบ”
รายงานข่าวแจ้งว่าการสืบสวนในทางลับของเจ้าหน้าที่ยังพบอีกว่า ขนวนการตัดถนนทำลายป่า อาจจะมีความเชื่อมโยงกับขนวนการฆ่าเจ้าของที่ดินที่เป็นผู้บุกรุกรายแรก และ หลังจากที่เจ้าของที่ดินตายได้มีขบวนการขอซื้อที่ดินในราคาถูกเพื่อเตรียมพัฒนารองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยวและอาจจะคาดหวังว่าในอนาคตจะมีการจัดที่ดินให้กับประชาชนในพื้นที่ป่าเทือกเขานาคเกิด
ผู้สื่อข่าวรายงานมาอีกว่า ในบัญชีท้ายประกาศ กคพ (ฉบับที่ 7 ) พ.ศ.2552 เรื่องการกำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิด ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง(1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ข้อ 20 คดีความผิดตามกฏหมายว่าด้วยป่าไม้ (2) คดีความผิดที่มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 72 ตรี แห่พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 และแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีการบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่ามีเนื้อที่ตั้งแต่หนึ่งร้อยไร่ขึ้นไป หรือการบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าที่ได้มีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฏหมายที่ดินโดยมิชอบด้วยกฏหมายมีเนื้อที่รวมกันตั้งแต่หนึ่งร้อยไร่ขึ้นไป หรือคดีที่มีมูลค่าความเสียหายตั้งแต่หนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ ตามราคาประเมินที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ประเมิน
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
ชัดแล้ว! ป่าไม้-ดีเอสไอ พบตัดถนน สร้างบ้านพัก สระน้ำ รุกป่าเทือกเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต จริง
ดีเอสไอ ร่อนหนังสือกรมป่าไม้ลุยสอบรุกป่าเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต 200 ไร่