ดีเอสไอ หนังสือ ผ.อ.สำนักป้องกันรักษาป่าฯ กรมป่าไม้ ส่งเจ้าหน้าที่สมทบสอบกลุ่มผู้มีอิทธิพล ตัดถนน สร้างบ้านพัก รุกป่าเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต 10 มี.ค. หลังเครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่อ่าวไทย-อันดามันร้อง ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’
สืบเนื่องจาก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อ วันที่ 3 มี.ค. 2563 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อสืบสวนพิสูจน์หนังสือร้องเรียนของเครือข่ายอนุรักษ์แห่งหนึ่ง ที่มีหนังสือร้องเรียนผ่าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีที่มีผู้มีอิทธิพลซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ได้ตัดโค่นไม้จากป่าสงวนแห่งชาติป่าเขานาคเกิด อ.เมือง จ.ภูเก็ต กว่า 200 ไร่ สร้างบ้านพักตากอากาศ และไม้ส่วนหนึ่งถูกนำไม้ไปแปรรูป บริเวณที่ทำการเทศบาลตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝนไม่ตกในพื้นที่ที่จังหวัดภูเก็ตส่งผลให้น้ำในเขื่อนบางวาดซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ใช้ผลิตประป่าหล่อเลี้ยงจังหวัดภูเก็ต
(อ่านข่าวเกี่ยวข้อง: ‘สมศักดิ์’ สั่งดีเอสไอลุยสอบปมร้องนักการเมืองรุกป่า-ตัดไม้-สร้างบ้านพัก 200 ไร่ ภูเก็ต)
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2563 ว่า พ.ต.ท.อมร หงส์ศรีทอง ผู้อำนวยการสำนักคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ได้มีหนังสือ ที่ ยธ 0809/263 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2563 ถึง นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมราชและสิ่งแวดล้อม ขอให้มอบหมายเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 4 ภาคใต้ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า เข้าร่วมในการตรวจสอบในวันอังคารที่ 10 มีนาคม 2563 เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป
ขณะที่ นายจำรูญ เกิดดำ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่อ่าวไทย-อันดามัน เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ให้ความสำคัญกับการแจ้งเบาะแส้ผู้กระทำความผิด และ ได้สอบถามสมาชิกของเครือข่ายที่ร้องทุกข์แจ้งเบาะแส้การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิดแล้ว พบว่า ผู้ร้องกับเครือข่าย ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลมาเป็นเวลานานหลายเดือน เฝ้าติดตามพฤติกรรมของผู้บุกรุกเปิดพื้นที่นำไม้มาแปรรูปแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ประเด็นต้องแยกออกมาสองด้าน ๆหนึ่งคือการนำไม้จากป่าเทือกเขานาคเกิดไปแปรรูปโดยผิดกฏหมาย ทางด้านที่สองคือการบุกรุกพื้นที่ ต้องย่อมรับกันตามความเป็นจริงว่า การตัดถนนเข้าป่า เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้มีการบุกรุกป่า การที่เจ้าหน้าที่ปล่อยให้มีการตัดถนนเข้าป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต จากคณะรัฐมนตรีถือว่าทำผิดกฏหมาย จะเป็นเอกชนหรือหน่วยงานรัฐกระทำก็ถือว่าผิดกฎหมายในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกป่าทำลายป่า มิฉะนั้น ต้องไปยกเลิกการใช้พื้นที่ ป่าไม้โดย ไม่ต้องระบุในระเบียบและกฎหมายว่า ใครก็ได้ที่จะเข้าไปตัดถนนเข้าป่าย่อมกระทำได้เท่าเทียบกัน พื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกรวดเร็วเนื่องจากการเข้าออกสะดวกโดยมีถนน ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิดเป็นป่าเดียวที่เป็นป่าต้นน้ำของเขื่อนบางวาด หากปล่อยปละละเลยไว้มีหวังว่า ต่อไปจังหวัดภูเก็ต ต้องนำน้ำจากนอกพื้นที่เข้าไปใช้ หรือไม่ก็ต้องผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล และหากรัฐจะต้องจัดสรรพื้นที่ป่าให้ราษฎรอยู่อาศัยก็ควรให้อย่างเป็นธรรม ไม่ใช้ปล่อยให้มีการบุกรุกก่อนถึงจะให้สิทธิ์ในการอยู่อาศัย ที่สำคัญอีกด้านพื้นที่ป่าถ้าปล่อยให้มีการออกเอกสิทธิ์ทับก่อนแล้วถึงมารื้อฟื้นคดี จากการติดตามมายังไม่เคยเห็นพื้นที่ใดที่มีการออกเอกสารสิทธิ์แล้วจะมีการเพิกถอนเอกสารอีก และ ในพื้นที่จังหวัดทางด้านอันดามัน พบว่า มีขนวนการที่ฟอกที่ดินเป็นสินค้าขายในราคาสูงมาตลอด ทั้งนี้เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบางกระทรวงที่มีหน้าที่รักษาป่ารักษาสมบัติสาธารณะรับราชการอยู่ในพื้นที่นานมากจนมองการทำลายทรัพยากรการทำลายป่าเป็นเรื่องปกติ
“สมาชิกแจ้งผมว่า พื้นที่เปิดหน้าดินออกและพื้นที่ยังเห็นเป็นสีเขียวก็ถูกทำลายต้นไม้ นอกจากนั้นยังมีการบุกรุกอีกหลายจุดพร้อมทั้งการบุกรุกตัดถนน รวมๆ แล้วการบุกรุกในป่าเทือกเขานาคเกิด อาจจะมากกว่า 200 ไร่ ด้วยซ้ำไป แต่เจ้าหน้าที่จะเห็นว่าพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายป่าเท่าไรก็ต้องติดตามข่าวกันต่อไป”
รายงานข่าวแจ้งว่า นายชีวะภาพ ได้มีหนังสือสั่งการให้ นายศุภชัย สุกใส ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและปราบปราม 4 กรมป่าไม้สมทบเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่สืบสวน ขณะที่นายศุภชัย คำคุ้ม พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 8 ลงพื้นที่ร่วมกับนายไพศาล หนูพิชัย ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ภูเก็ตในสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็พบการกระทำความผิดเบื้องต้น และ รายงานให้ พ.ต.ท.กรวัช ปานประภากร รักษาราชการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทราบแล้วจึงได้มีการสั่งการให้สืบสวนต่อไปโดยมอบหมายให้ ร.ต.อ.สมัคร จันทร ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3 สำนักคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้สอบสวน
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage