'กิจ หลีกภัย' อดีตนายก อบจ.ตรัง แจงกรณีใช้งบ 100 ล. สร้างมัสยิดกลางนาน 10 ปี ยังไม่เสร็จ เหตุมีรายละเอียดมาก-ทุกขั้นตอนสำคัญไม่ได้ทำกันง่ายๆ แต่ปัญหาไม่ได้มากตามที่ถูกร้องเรียน ยอมรับคานใหญ่เกินจริง เหตุช่างเน้นความปลอดภัย หากเกิดอะไรขึ้นจะยุ่ง
..............................................
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีกลุ่มชมรมตรังต้านโกง ได้ยื่นเรื่องต่อผู้อำนวยการสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดตรัง เพื่อขอให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างมัสยิด วงเงิน 32,600,000 บาท ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง ที่ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2552 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถเปิดใช้งาน ประชาชนชาวมุสลิมไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ แถมอุปกรณ์หลายส่วนชำรุดเสียหายแล้ว
(อ่านประกอบ : ร้อง 'สตง.' สอบมัสยิด อบจ.ตรัง 32 ล. ก่อสร้างตั้งแต่ปี 52 ยังไม่เสร็จ-ชำรุดหลายจุด)
ล่าสุด นายกิจ หลีกภัย อดีตนายก อบจ.ตรัง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สำนักข่าวอิศรา ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนี้ ว่า ความทรุดโทรมที่เกิดขึ้นกับกรณีมัสยิดกลาง จ.ตรัง ไม่ได้เป็นไปตามที่มีการร้องเรียนขนาดนั้น
“ผมตรวจการชำรุดแล้ว คือ ตรงช่องไฟ รอยรั่วซึมจากรอยต่อที่เกิดจากการก่อสร้าง มันก็มีการตั้งงบซ่อมแซม แต่ที่ปรากฎในข่าวว่าซ่อมตรงนั้น 2 ล้านบาท มันเกินไป"
นายกิจ กล่าวต่อว่า มัสยิดกลาง จ.ตรังก่อสร้างมาประมาณ 10 ปี ใช้งบประมาณไปแล้วร่วม 100 ล้านบาท โดยเริ่มต้นงบ 30กว่าล้านบาทจริงตามที่เป็นข่าว หลังจากนั้นก็มีการดำเนินงานอีกหลายส่วน เช่น การตกแต่งภายในโดม ราคาสูงเป็นหลักล้าน เพราะเป็นส่วนประกอบสำคัญ ในส่วนของห้องน้ำที่ส่วนกลางมาออกแบบให้ เป็นห้องน้ำแบบอิสลาม ที่มีห้องชำระกาย มีทางเดินจากใต้ดินมาสู่ห้องใต้ดินของมัสยิด ซึ่งทุกเรื่องเป็นตามกระบวนการขั้นตอนชัดเจนแน่นอน
นายกิจ กล่าวย้ำอีกว่า นอกจากนี้ยังมีงบทำใหม่ ไม่ใช่งบซ่อมซอม คือ ลานหน้ามัสยิด ซึ่งเมื่อไปเห็นคานทางเดินหน้ามัสยิด ตนได้ไปต่อว่าช่าง ว่าทำใหญ่เกินความจำเป็น ซึ่งช่างบอกกลับมาว่าการทำคานรับน้ำหนักคนมันพลาดไม่ได้
"เรื่องคานผมดูแล้วก็ใหญ่เกินจริง ซึ่งช่างเขามองคนละเรื่องกับเรา เราอยากให้ประหยัดงบประมาณ แต่ช่างมองว่าต้องปลอดภัย หากเกิดอะไรขึ้นจะยุ่ง"
นายกิจ กล่าวด้วยว่า มัสยิดหลังนี้ในการก่อสร้างไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเชิญ พลเรือเอก นคร ทนุวงษ์ เจ้ากรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ มาเป็นผู้วางทิศเพื่อหันมัสยิดไปทางนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ก่อสร้างมัสยิด มา 10 ปี จริงๆมันควรจะเสร็จแล้ว ตอนนี้ที่ทำอยู่ก็คือ ส่วนประกอบภายนอกซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับภายใน ภายในแล้วเสร็จเกือบ 100% มีเพียงเก็บรายละเอียดเล็กน้อย
"มัสยิดหลังนี้มี ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตประธานอาเซียนเป็นผู้มายกโดม โดยทุกขั้นตอนมีความสำคัญ ไม่ใช่แค่ว่าเขียนแบบแล้วก่อสร้างได้เลย ผมนี่ไทยพุทธ ไปหาเจ้ากรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ ให้มาวางทิศไปเมกกะ ทุกส่วนมันมีความสำคัญ แต่คนพูดมักพูดแต่สิ่งเล็กๆ น้อย ๆ” นายกิจระบุ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/