'วิษณุ' เผยมีคนแก่ตกใจ คืน 'เบี้ยยังชีพคนชรา' แล้ว 130 ล้านบาท ยืนยันจะไม่มีคนติดคุกเพราะเรื่องนี้ พร้อมเผยการคัดกรองกลุ่มมีปัญหาเหลือประมาณ 6,000 คน เบื้องต้นสั่งระงับการจ่ายไปจนกว่าจะสอบทานเสร็จว่ารับสิทธิ์โดยสุจริตหรือไม่
..................................................................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2564 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับคณะกรรมการค่าเบี้ยยังชีพ ถึงปัญหาการจ่ายเบี้ยยังชีพคนชราที่ซ้ำซ้อน ว่า ที่ประชุมไม่ได้มีมติใดๆ เนื่องจากเป็นเพียงการรับฟังสรุปจากหน่วยงานต่างๆ เท่านั้น และที่ประชุมครั้งนี้ไม่ได้มีอำนาจสั่งการใดๆ ตนแค่ต้องการรับฟังความก้าวหน้าของแต่ละหน่วยงาน โดยผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจทั้งหมดสุดท้ายคือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่เบื้องต้นสามารถตอบคำถามได้ 3 เรื่อง คือ 1.จะไม่มีการดำเนินคดีอาญากับผู้สูงอายุที่ไม่คืนเบี้ยยังชีพคนชรา โดยเรื่องนี้ไม่เคยดำเนินการในอดีตและจะไม่ดำเนินการในอนาคตด้วย เนื่องจากการดำเนินคดีอาญาจะต้องตั้งข้อหาฉ้อโกง แต่คนเหล่านี้ไม่ได้มีพฤติกรรมฉ้อโกง ดังนั้น จะไม่มีผู้ใดที่จะติดคุก
นายวิษณุ กล่าวว่า 2.การรับผิดทางแพ่ง หรือการคืนเงิน สรุปง่ายๆ หากได้มาโดยสุจริตไม่ต้องคืน ซึ่งหลักมีอยู่แล้ว แต่ถ้าเงินยังเหลืออยู่จะต้องคืน หากไม่เหลืออยู่ก็ไม่ต้องคืน ส่วนกรณีถ้ามีเงินเหลือยู่ แต่ไม่ใช่เงินที่ได้รับจากเบี้ยยังชีพคนชราไม่ต้องคืน ส่วนแต่ละรายจะสุจริตหรือไม่ จะดูเป็นรายบุคคล มีผู้อยู่ในข่ายเช่นนี้ที่จะต้องถูกไต่สวนทวนพยานว่าสุจริตหรือไม่ ประมาณ 6,000 คนทั่วประเทศ
“ถ้าเป็นเช่นนี้การปล่อยให้เป็นคดีอาญา 6,000 คดีทั่วประเทศ คดีจะรกโรงรกศาล เป็นภาระอัยการในฐานะโจทก์ เป็นภาระของคุณตา คุณยาย ในฐานะจำเลยที่จะต้องไปจ้างทนาย เขากินไม่ได้ นอนไม่หลับ เป็นทุกข์ จึงกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดคดีอาญา ดังนั้น อย่าไปคิดเลยว่าจะมีการฟ้อง” นายวิษณุ ระบุ
นายวิษณุ กล่าวว่า และ 3.เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งรับผิดชอบจ่ายเงินดังกล่าว จะมีส่วนต้องรับผิดด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องดูอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้สูงอายุบางส่วนที่รับเงินเบี้ยยังชีพคนชราและซ้ำซ้อนกับเงินสวัสดิการอื่น ก่อนหน้านี้มีทั้งหมด 15,300 คน ที่สุดแล้วเมื่อตรวจสอบรายละเอียดเหลือผู้สูงอายุที่รับเงินซ้ำซ้อนประมาณ 6,000 คน ส่วนนี้จำเป็นที่ต้องหยุดจ่ายเงินเบี้ยยังชีพคนชราไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าไม่นาน
“โดยปกติผู้สูงอายุจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ 3 ส่วนคือ เบี้ยยังชีพคนชรา หากเจ็บป่วยจะได้รับเบี้ยผู้พิการ ถ้าฐานะยากจนจะได้บัตรคนจนด้วย ซึ่งระเบียบของเบี้ยคนพิการและบัตรคนจนไม่ได้ห้ามรับเงินบำนาญ จึงไม่มีปัญหา ฉะนั้น จึงเหลือเบี้ยยังชีพคนชราอย่างเดียวที่ต้องไปแก้ไข และหยุดจ่ายส่วนนี้ไปก่อน”นายวิษณุ กล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ขอให้ผู้สูงอายุสบายใจได้ว่าไม่ติดคุกแน่ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลระบุว่ามีผู้สูงอายุที่รู้ข่าวแล้วตกใจจึงรีบเอาเงินมาคืน มียอดรวมทั้งหมด 130 ล้านบาท ส่วนจะต้องพิจารณาคืนเงินกลับไปให้ผู้สูงอายุที่คืนเงินมาแล้วหรือไม่นั้น โดยหลักเรื่องลาภที่มิควรได้ เมื่อคุณเอามาคืนและถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจะมาขอคืนไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการชำระหนี้ และถือว่ารัฐรับกลับคืน เว้นแต่จะผ่อนผันให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังคิดอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตมีแนวคิดที่จะทำให้ผู้สูงอายุรับเงินได้ทั้งสองทางหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอตอบเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของนโยบาย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage