ร้องปธ.วุฒิฯตรวจสอบว่าที่ฯ 'บอร์ดกสทช.’ พบ 10 ราย อาจ ‘ขาดคุณสมบัติ-มีลักษณะต้องห้าม’

nbtc b 01 02 21 pic

‘สุพิชาติ’ ร้องประธานวุฒิฯชะลอการเสนอชื่อว่าที่ ‘กรรมการ กสทช.’ ให้วุฒิสภาคัดเลือก หลังพบ 10 ราย อาจ ‘ขาดคุณสมบัติ-มีลักษณะต้องห้าม’ เตรียมฟ้องศาลปกครองขอทุเลาการบังคับประกาศผลการคัดเลือกฯ ของ ‘บอร์ดสรรหาฯ’

................

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. พล.ต.สุพิชาติ เสนานุรักษ์ ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กรรมการ กสทช.) ด้านกฎหมาย เข้ายื่นหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ผ่านนายพงศ์กิตติ์ อนุณภักดีสกุล ที่ปรึกษาด้านการเมืองและการบริหารจัดการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยขอให้ประธานวุฒิสภาชะลอการเสนอรายชื่อผู้สมควรได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการ กสทช. ทั้ง 7 ด้าน รวม 14 ราย ตามประกาศคณะกรรมการสรรหาฯ ให้วุฒิสภาคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการ กสทช. เนื่องจากผู้ได้รับเลือกบางรายอาจขาดคุณสมบัติ

พล.ต.สุพิชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ (1 ก.พ.) ไม่ได้มาร้องเรียน แต่มาขอความเป็นธรรม เนื่องจากปรากฎข้อมูลว่าผู้สมควรได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการ กสทช. ซึ่งคณะกรรมการสรรหาฯคัดเลือกมานั้น มีผู้ที่ได้รับคัดเลือก 10 ราย จากทั้งหมด 14 ราย อาจขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 7 และ 14 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

พล.ต.สุพิชาติ ยกตัวอย่างว่า ผู้ได้รับคัดเลือกบางรายเป็นกรรมการบริหารสถานีวิทยุกระจายเสียง ซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 7 ข.(12) ที่บัญญัติว่า กรรมการฯต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้ “เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนได้รับการคัดเลือกตามมาตรา 15”

หรือผู้ได้รับคัดเลือกบางราย ไม่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ด้านกระจายเสียงไม่ถึง 10 ปี ซึ่งถือว่าขาดคุณสมบัติมาตรา 14/2 (6) ที่ระบุว่า “มีประสบการณ์ด้านการบริหารกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคมอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี” และผู้ได้รับเลือกรายนี้ยังพ้นจากกรรมการผู้บริการสถานีวิทยุกระจายเสียงไม่เกิน 1 ปี ซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 7 ข. (12) ด้วย

่ส่วนผู้ได้รับคัดเลือกอีกราย เคยเป็นข้าราชการพลเรือนและตำแหน่งสุดท้ายในการรับราชการ คือ นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการพิเศษ ซึ่งไม่ใช่รองหัวหน้าส่วนราชการใดๆ จึงเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 14/2 ที่บัญญัติว่า “ผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการสรรหาเพื่อเป็นกรรมการต้องมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (1) เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการพลเรือน พนักงานในหน่วยงานอื่นของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจที่ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่ระดับกรมขึ้นไป หรือรองหัวหน้าหน่วยงานอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคลหรือรัฐวิสาหกิจ…”

พล.ต.สุพิชาติ กล่าวว่า นอกจากขอความเป็นธรรมแล้ว ตนขอให้ประธานวุฒิสภาชะลอการเสนอรายชื่อผู้สมควรได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการ กสทช. ต่อที่ประชุมวุฒิสภาออกไปก่อน เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง และในสัปดาห์หน้าตนจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลฯมีคำสั่งทุเลาการบังคับประกาศคณะกรรมการสรรหาฯ เรื่อง ผลการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครให้เป็นผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการ กสทช.

nbtc 01 02 21 4 (พล.ต.สุพิชาติ เสนานุรักษ์)

ทั้งนี้ หนังสือที่ พล.ต.สุพิชาติ ยื่นต่อประธานวุฒิสภา มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า จากการตรวจสอบทางลับปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีบุคคลผู้สมัครที่คณะกรรมการสรรหา กสทช.ได้คัดเลือกหลายราย เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 7 และมาตรา 14 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัตน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด ได้แก่ ด้านกิจการโทรคมนาคม ด้านกฎหมาย และด้านการคุ้มครองผู้บริโภคหรือส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน รายละเอียดตามเอกสารแนบมาด้วยแล้ว

“เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ทันต่อการแก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายให้แก่ผู้ที่สมัครข้ารับการสรรหาเป็น กสทช. จึงขอความเมตตาจากท่านได้โปรดกรุณาพิจารณาดำเนินการตรวจสอบให้ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม ก่อนเสนอให้วุฒิสภาพิจารณามีมติคัดเลือกต่อไป” หนังสือระบุ

nbtc 01 02 21 3

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับพล.ต.ท.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคหรือส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชนนั้น ปรากฏข้อมูลว่าพล.ต.ท.เกียรติพงศ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท กรรมการตรวจสอบ และกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนของบริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP เนื่องจากติดภารกิจ โดยมีผลวันที่ 20 ม.ค.2564

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลโครงสร้าง บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็ปไซต์ของบริษัทฯ พบว่า บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ถือหุ้นในบริษัทโทรคมนาคม ซึ่งดำเนินธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคม และ Internet of Things (IoT) จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัท เอ็ม โซลูชั่น จํากัด ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยถือหุ้น 99.99% และบริษัท อินฟอร์เมติกส์พลัส จํากัด ทุนจดทะเบียน 402.07 ล้านบาท โดยถือหุ้น 99.99%

ทั้งนี้ มาตรา 7 ข.(12) บัญญัติว่า กรรมการ กสทช. ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้ “เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนได้รับการคัดเลือกตามมาตรา 15”

7up 01 02 21 2