อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันโรงงานปลากระป๋องสมุทรสาครพบคนงานติดโควิด 914 ราย ทั้งหมดรายงานผลไปแล้ว 4-5 ม.ค. ยืนยันผลิตภัณฑ์กินได้ ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง ขณะที่ ศบค.เผยไทยป่วยเพิ่ม 365 ราย ติดเชื้อในประเทศ 250 ราย ผลตรวจค้นหาเชิงรุก 99 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายอายุ 63 ปี อาชีพขับรถรับส่งแรงงานต่างด้าวที่สมุทรสาคร ส่วนกรณีคลัสเตอร์บ่อนไก่ พบกระจายตัว 5 จังหวัด ติดเชื้อรวม 38 ราย
...........................................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 เวลา 15.00 น. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า บริษัทพัทยาฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตปลากระป๋องนอติลุส จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีพนักงานกว่า 3,000 ว่า และผลการตรวจหาเชื้อพบคนติดโควิด 914 ราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) ได้รายงานตัวเลขไปแล้วเมื่อวันที่ 4 – 5 ม.ค. โดยเป็นผลจากการค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ไม่มีอาการ และได้เข้าสู่ระบบการกักตัวแล้ว
นพ.โอภาส กล่าวยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องดังกล่าวสามารถรับประทานได้ เนื่องจากมีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง ฆ่าเชื้อโควิดได้ จุดไหนคนงานติดเชื้อ บริษัทก็ได้จัดการฆ่าเชื้อแล้ว ขอให้มั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัย หากอาหารไม่ปลอดภัย จะไม่อนุญาตให้ปล่อยออกมาแน่นอน
ขณะที่กลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ด ทำหนังสือชี้แจงลงวันที่ 5 ม.ค.2564 ระบุว่า บริษัทตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรวจค้นหาเชิงรุก ซึ่งได้รับการยืนยันว่ามีพนักงานจำนวนหนึ่งติดเชื้อ จึงได้ดำเนินการสอบสวนและกักตัวผู้ที่มีความเสี่ยงทันทีเป็นเวลา 14 วัน ทั้งนี้ได้สั่งให้หยุดกิจกรรมการผลิตในพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อ พร้อมดำเนินการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทันทีในพื้นที่ดังกล่าว
หนังสือชี้แจงดังกล่าว ระบุด้วยว่า บริษัทได้เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง ตรานอติลุส และนอติลุส ไลท์ ซึ่งความปลอดภัยสูงสุดของผลิตภัณฑ์ ถือเป็นสิ่งที่บริษัทยึดมั่นมาโดยตลอด บรรจุภัณฑ์ผ่านขบวนการทำให้ปลอดเชื้อเพื่อการค้า คือ การแปรรูปอาหารด้วยขบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนที่อุณหภูมิมากกว่า 110 องศาเซลเซียส ภายใต้ความดันมากกว่า 9 psi ซึ่งสามารถทำลายเชื้อโควิดได้ จึงสามารถสร้างความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย
@ติดโควิดบ่อนไก่อ่างทอง รวม 7 จังหวัด 76 ราย
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการติดตามความคืบหน้า กรณีการติดเชื้อโควิดจากบ่อนไก่ จ.อ่างทอง ว่า ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 28 ราย กรณีนี้มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 76 ราย กระจายอยู่ 7 จังหวัด แบ่งเป็น อ่างทอง 59 ราย สิงห์บุรี 4 ราย พระนครศรีอยุธยา 4 ราย ลพบุรี 4 ราย สุพรรณบุรี 2 ราย นนทบุรี 1 ราย และขอนแก่น 2 ราย ทั้งนี้ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว หรือผู้สัมผัสเสี่ยงเข้ารับการตรวจหาเชื้อกับแพทย์ทันที เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดต่อไป
“จะเห็นได้ว่า แม้จะเดินทางมาสั้นๆแค่วันเดียว ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ดังนั้นขอให้สังเกตอาการ กักตัวเอง และเมื่อพบอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส หรือแม้กระทั่งใกล้ชิดกับคนที่เดินทางไปสนามชนไก่ ขอให้รีบเดินทางไปพบแพทย์ ตรวจหาเชื้อโควิด หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้สูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัว รวมถึงล้างมือบ่อยๆ” นพ.โสภณ กล่าว
@ป่วยโควิด 365 เสียชีวิต 1 อาชีพขับรถรับ-ส่งแรงงานที่สมุทรสาคร
ทั้งนี้เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 365 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 250 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 99 ราย และอีก 16 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 9,331 ราย หายป่วยเพิ่ม 21 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย สะสมรวม 65 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 63 ปี อาชีพคนขับรถรับส่งแรงงานประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่สมุทรสาคร มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง ภูมิลำเนาอยู่พระนครศรีอยุธยา วันที่ 27 ธ.ค.มีอาการป่วยด้วยไข้ ไอ น้ำมูก เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร วันที่ 30 ธ.ค.ใส่ท่อช่วยหายใจจากอาการหอบเหนื่อย และย้ายเข้าห้องไอซียู ทั้งนี้มีการไตวายประกอบ รักษาด้วยการฟอกเลือด กระทั่งระบบหายใจล้มเหลว และมีอวัยวะภายในล้มเหลวหลายส่วน ทำให้เสียชีวิตในเวลา 13.08 น.เมื่อวานนี้
สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 250 ราย กระจายอยู่ในพื้นที่ 56 จังหวัด มีประวัติไปสถานที่เสี่ยงหรือมีอาชีพเสี่ยง 215 ราย ประกอบด้วย สมุทรสงคราม 2 ราย กทม. 28 ราย ราชบุรี 4 ราย สมุทรสาคร 20 ราย พระนครศรีอยุธยา 2 ราย ลพบุรี 3 ราย ชลบุรี 70 ราย จันทบุรี 27 ราย กาญจนบุรี 2 ราย นครปฐม 2 ราย ปทุมธานี 3 ราย นนทบุรี 2 ราย พิจิตร 2 ราย จันทบุรี 1 ราย ฉะเชิงเทรา 2 ราย เชียงใหม่ 1 ราย นครราชสีมา 2 ราย สมุทรปราการ 34 ราย ระยอง 4 ราย สุรินทร์ 2 ราย และสุราษฎร์ธานี 2 ราย
ส่วนกลุ่มที่อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 35 ราย ประกอบด้วย ตราด 1 ราย ราชบุรี 1 ราย สมุทรสงคราม 1 ราย กทม. 5 ราย ชลบุรี 6 ราย ระยอง 10 ราย สมุทรปราการ 10 ราย ปทุมธานี 1 ราย
ด้านการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 99 ราย แบ่งเป็นคนไทย 55 ราย แรงงานต่างด้าว 44 ราย ประกอบด้วย สมุทรสาคร 47 ราย ระยอง 30 ราย ชลบุรี 4 ราย จันทบุรี 7 ราย สมุทรสงคราม 1 ราย ปราจีนบุรี 5 ราย และตราด 5 ราย
ขณะที่ผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 16 ราย ประกอบด้วย เอธิโอเปีย 2 ราย ตุรกี 2 ราย เยอรมนี 2 ราย แคนาดา 1 ราย อิสราเอล 1 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย มาเลเซีย 1 ราย สหรัฐอเมริกา 6 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า เมื่อวิเคราะห์การกระจายตัวของเชื้อโควิดที่เริ่มจากบ่อนไก่อ่างทอง พบว่า เชื้อกระจายไป 5 จังหวัด รวม 38 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาย ไม่มีอาการป่วย อายุระหว่าง 45-54 ปี แบ่งเป็น นนทบุรี 1 ราย พระนครศรีอยุธยา 3 ราย สิงห์บุรี 3 ราย สุพรรณบุรี 2 ราย และอ่างทอง 30 ราย
@แจงพื้นที่ควบคุมสูงสุดไม่ใช่ล็อกดาวน์
นพ.ทวีศิลป์ อธิบายความแตกต่างระหว่างพื้นที่ควบคุมสุงสุดเข้มงวด กับ พื้นที่ควบคุมสูงสุด ว่า การประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดโดยหลักการเราจะเน้นเรื่องการเพิ่มมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายคนเป็นสำคัญ ซึ่งไม่ได้มีการประกาศเคอร์ฟิว หรือปิดกั้นการเดินทางเหมือนที่เคยทำเมื่อมีการล็อกดาวน์ นี่คือความแตกต่างระหว่างพื้นที่ควบคุมสูงสุดและมาตรการล็อกดาวน์ โดยการควบคุมการเดินทางเข้าออกมีความแตกต่างกัน ดังนี้
28 จังหวัดที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ต้องทำ 3 ข้อคือ 1.เมื่อผ่านด่านคัดกรอง เข้ารับการตรวจวัดอุณหภูมิและสังเกตอาการ 2.สำรวจว่ามีแอปพลิเคชั่นหมอชนะหรือไม่ และ 3.สอบถามเหตุผลความจำเป็นในการเดินทาง
ส่วนกรณี 5 จังหวัดจาก 28 จังหวัด คือ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การเดินทางเข้าออกต้องแสดงหลักฐานการได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ในท้องที่ภูมิลำเนาของผู้เดินทางด้วย
ส่วน 49 จังหวัดที่เหลือให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนดตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ทุกพื้นที่เน้นย้ำขอให้ประชาชน งดหรือชะลอ การเดินทางโดยไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน จนถึง 1 ก.พ.2564 เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อ
@ทั่วโลกป่วย 682,218 ราย สะสม 86.83 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 682,218 ราย รวม 86,832,019 ราย อาการหนัก 108,016 ราย หายป่วย 61,531,300 ราย เสียชีวิต 1,875,451 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 225,558 ราย รวม 21,578,606 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3,499 ราย รวม 365,620 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 17,909 ราย รวม 10,375,478 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 265 ราย รวม 150,151 ราย บราซิล พบเพิ่ม 57,447 ราย รวม 7,812,007 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,186 ราย รวม 197,777 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 130 ของโลก
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า วันนี้จะมีคนเดินทางกลับเข้าไทยอีก 370 ราย 19 เที่ยวบิน ประกอบด้วย กาตาร์ 2 เที่ยวบิน 27 ราย เยอรมนี 1 ราย สวิตเซอรืแลนด์ 33 ราย ฟินแลนด์ 22 ราย ไต้หวัน 2 เที่ยวบิน 3 ราย ซาอุดีอาระเบีย 24 ราย ฟิลิปปินส์ 4 ราย เอธิโอเปีย 2 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย ฮ่องกง 3 เที่ยวบิน 104 ราย ญี่ปุ่น 3 เที่ยวบิน 144 ราย ออสเตรเลีย 4 ราย และเกาหลีใต้ 1 ราย โดยทั้งหมดต้องเข้าอยู่ในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้เป็นระยะเวลา 14 วัน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage