‘บิ๊กตู่’ นั่งหัวโต๊ะประชุมร่วม 4 หน่วยงาน ไฟเขียวกรอบงบปี 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 5.66% ยันไม่ตัดงบสวัสดิการ-เดินหน้าดูแลกลุ่มเปราะบาง ขณะที่ ‘สำนักงบฯ’ เร่งปรับลดงบรายจ่ายประจำ
.....................
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ 2565 ร่วมกับ 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมร่วม 4 หน่วยงาน มีมติให้สำนักงบประมาณนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาวงเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2565 ในวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท โดยเป็นวงเงินที่ลดลงจากงบประมาณปี พ.ศ. 2564 จำนวน 185,900 ล้านบาท หรือลดลง 5.66% ซึ่งเป็นไปตามประมาณการด้านรายได้ที่กระทรวงการคลังประมาณการไว้ที่ 2.4 ล้านล้านบาท โดยจะเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 7 แสนล้านบาท
สำหรับงบลงทุนในปีงบ 2565 อยู่ที่ 620,000 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของวงเงินงบประมาณ เทียบกับปีงบ 2564 ที่งบลงทุนอยู่ที่ 649,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19% ของวงเงินงบประมาณ ส่วนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ 2565 ตั้งไว้ที่ 2.354 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ของวงเงินงบประมาณ เทียบกับปีงบ 2564 ที่งบประมาณรายจ่ายประจำอยู่ที่ 2.537 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 77% ของวงเงินงบประมาณ
“สำนักงบประมาณมีนโยบายในการที่จะลดงบรายจ่ายประจำมาโดยตลอด โดยขอให้ส่วนราชการทบทวน โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประสิทธิภาพในการใช้จ่าย และผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายทั้งงบลงทุนและงบประจำ กรณีที่เป็นงบรายจ่ายประจำก็ต้องพิจารณาตามเกณฑ์ สำหรับงบรายจ่ายประจำในปี 2565 ในส่วนของค่าใช้จ่ายในรายการที่เกี่ยวกับด้านสังคมยังคงไว้ตามเดิม ไม่ได้ปรับลด” นายอนุชาระบุ
นายอนุชา กล่าวว่า สำนักงบประมาณจะเสนอผลการประชุมร่วม 4 หน่วยงาน ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 ม.ค.2564
ทั้งนี้ สศช. ประมาณการว่าเศรษฐกิจปี 65 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.5% จากปี 2564 ที่ประเมินว่าจะขยายตัว 4% ส่วนอัตราเงินเฟ้อปี 2564 และปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 1.2 ขณะที่มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ปี 2565 อยู่ที่ 17.328 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ มอบนโยบายให้สำนักงบประมาณไปพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำให้ลดลงอย่างเหมาะสม โดยให้คงไว้สำหรับการดูแลงานประกันสังคม กองทุนหลักประกันสุขภาพฯ บัตรสวัสดิการต่าง ๆ รวมถึงกลุ่มเปราะบางทั้งหมด คนพิการ คนชรา เด็กเล็ก ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกำชับให้จัดสรรงบประมาณสำหรับการเยียวยากลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สำนักงบประมาณจะมีการหารือกับส่วนราชการถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายงบประจำหรืองบลงทุน ว่าสามารถชะลอได้หรือไม่ สามารถใช้มาตรการอื่นจากเงินนอกงบประมาณ เงินกองทุนที่มีอยู่ เช่น กองทุน Thailand Future Fund เป็นต้น ได้หรือไม่ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน PPP ที่จะต้องออกเป็นมาตรการ โดยพยายามรักษาวงเงินงบลงทุนในระบบเศรษฐกิจโดยรวมทั้งเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณให้สูงกว่าปีที่ผ่านๆ มา
“เลขาธิการ สศช. ได้ขอให้รัฐวิสาหกิจมีการลงทุนเพิ่ม โดยกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจะไปพิจารณาว่ามีโครงใดที่ภาครัฐและภาคเอกชนจะทำร่วมกันได้บ้าง ในภาพรวมแล้ววงเงินงบประมาณปี 2565 และอื่นๆ ยังคงดีอยู่ เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวที่ 3.5% ได้”นายอนุชากล่าว
สำหรับงบประมาณในส่วนที่เป็นสวัสดิการต่างๆ มีการตั้งงบประมาณไว้เพียงพออยู่แล้ว ซึ่งสำนักงบประมาณพยายามลดรายจ่ายประจำโดยต้องไม่กระทบต่อสังคม ยังมี พรก. กู้เงินฯ ที่สามารถนำมาช่วยดูแลด้านของสังคม
นายอนุชา ยังระบุว่า แม้ว่าวงเงินงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการอาจจะลดลง แต่รายได้ต่อหัว และสวัสดิการเด็กนักเรียนยังครบถ้วนอยู่ เพราะจำนวนเด็กนักเรียนลดลง 5-6% ต่อปีอยู่แล้ว เช่นเดียวกับงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขที่อาจจะลดลง เนื่องจากปีที่ผ่านมามีการปรับสถานะพนักงานและลูกจ้างไปเป็นข้าราชการ 45,000 อัตรา จึงต้องยกสถานะจากเงินกองทุนเป็นงบบุคลากร เป็นต้น แต่งบประมาณเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ได้ลดลง
อ่านประกอบ :
ขาดดุลเพิ่มอีก 2.77 ล้านล.ใน 4 ปี! ครม.ไฟเขียวแผนคลังระยะปานกลาง-เคาะเป้าเงินเฟ้อ 1-3%
กระสุนพร้อม! ส่องแผนคลัง 5 ปี 'รบ.บิ๊กตู่' ชงกู้เงินเฉียด 4.4 ล้านล. หนุนลงทุน-กระตุ้นศก.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/