ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามชั้นต้น จำคุก ‘พนม ศรศิลป์’ อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ 20 ปี คดีเงินทอนวัด สั่งชดใช้ 12 ล้าน ส่วนอดีต ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดฯ โดน 20 เหมือนกัน ด้าน 2 ฆวาราสผู้ติดต่อวัดโดน 6 ปี 8 เดือน และ 1 ปี 8 เดือน
............................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2563 ศาลมีคำพิพากษาเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัดอีก 1 คดี โดยศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท.253/2561 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายวสวัสตติ์ กิตติ์ธีระสิทธิ์ อดีต ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน สำนักงาน พศ. นายเจษฎา วงศ์เมฆ ฆราวาส ทำหน้าที่ติดต่อหาวัด และนายชรินทร์ มิ่งขวัญ ฆราวาส ทำหน้าที่ติดต่อหาวัด เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กรณีทุจริตเงินอุดหนุนงบบูรณปฏิสังขรณ์วัด (คดีเงินทอนวัด) เบียดบังเอาเงินของสำนักงาน พศ. ไปเป็นประโยชน์ของตน โดยใช้วัดเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดรับโอนเงินงบประมาณที่มีการเบียดบังไปจากสำนักงาน พศ. โดยจำเลยทั้งหมดถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เมื่อพิจารณาตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกเป็นผู้ร่วมคบคิดกันการกระทำความผิด เพราะได้กระทำการดังกล่าวเป็นเครือข่ายระหว่างข้าราชการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกับบุคคลภายนอกในลักษณะกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือหรือให้ได้รับความสะดวกในการกระทำความผิดและเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กัน ทั้งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันของจำเลยทั้งสี่กับพวก เป็นเครือข่ายและขบวนการในการกระทำความผิดเบียดบังยักยอกเงินเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตฯเห็นพ้องด้วย
อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1-2 ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเฉพาะการพิจารณาลงนามอนุมัติเงินอุดหนุนจำนวน 9 วัดเป็นเงิน 21,300,000 บาท ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดจำคุกกระทงละ 5 ปีรวม 4 กระทงเป็นจำคุก 20 ปี จึงไม่ถูกต้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่าได้ทำหนังสือขออนุมัติเงินอุดหนุนเพียงครั้งเดียว และมีการจ่ายเงินให้แก่วัดต่างๆ ตามบัญชีรายชื่อแนบท้ายเป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียวนั้น เห็นว่า โดยสภาพพฤติการณ์แห่งคดีเป็นการกระทำต่อบุคคลหลายคน ซึ่งอาจกระทำต่อบุคคลเหล่านั้นต่างวาระกันได้ การที่จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะของการกระทำที่มีเจตนามุ่งหมายเพื่อให้เกิดผลต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดมุขธาราราม วัดท่าพญา วัดนาวง วัดปากเจาพัฒนาราม หรือผู้หนึ่งผู้ใด การลงมือกระทำเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้งไม่ได้พิจารณาจากจำนวนครั้งที่จำเลยที่ 2 ทำหนังสือเสนอเพื่ออนุมัติ และจำเลยที่ 1 อนุมัติหนังสือดังกล่าวเพียงครั้งเดียวคราวเดียว แต่เพียงอย่างเดียวเป็นเครื่องชี้เจตนาของจำเลยทั้งสี่กับพวก ดังที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์เมื่อจำเลยทั้งสี่กับพวกใช้วัดดังกล่าว เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดรับโอนเงินงบประมาณรัฐ แล้วเบียดบังไปจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
อีกทั้งเป็นการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบพบมูลทุจริตในกลอุบายหลอกลวงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดมุขธาราราม วัดท่าพญา วัดนาวง และวัดปากเจาพัฒนาราม คนละวันเวลาและในสถานที่แตกต่างกัน เพียงพอนับว่าเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1-2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 4 กระทงนั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเห็นพ้องด้วย
อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำคุกนายพนม จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 คนละ 20 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 6 ปี 8 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 4 เป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน และให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันคืนเงินหรือใช้เงินจำนวน 12,000,000 บาท โดยให้จำเลยที่ 4 ร่วมใช้เงินกับจำเลยที่ 1-3 จำนวน 3 ล้านบาท แก่ผู้เสียหาย ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์
สำหรับคดีนี้หากจำเลยจะยื่นฎีกาก็จะต้องขออนุญาตฎีกาตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 ซึ่งมาตรา 42 กำหนดว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบให้เป็นที่สุด หากคู่ความประสงค์จะฎีกาต้องปฏิบัติตามมาตรา 44 ที่กำหนดให้การฎีกาผู้ฎีกาต้องยื่นคำร้องแสดงเหตุที่ศาลฎีกาควรรับฎีกาไว้พิจารณาพร้อมกับคำฟ้องฎีกาด้วย
เหตุที่ศาลฎีกาจะพิจารณาอนุญาตให้ฎีกาได้ ระบุไว้ในมาตรา 46 คือต้องเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยซึ่งรวมถึงปัญหาดังต่อไปนี้ (1) ปัญหาที่เกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ (2) เมื่อคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญขัดกันหรือขัดกับแนวบรรทัดฐานของคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกา (3) คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่สำคัญซึ่งยังไม่มีแนวคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกามาก่อน (4) เมื่อคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบขัดกับคำพิพากษา หรือคำสั่งอันถึงที่สุดของศาลอื่น (5) เมื่อจำเลยต้องคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบให้ประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต (6) เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้วอาจมีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ (7) ปัญหาสำคัญอื่นตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
โดยข้อบังคับของประธานศาลฎีกากำหนดปัญหาสำคัญอื่นเพิ่มเติม 2 กรณี คือ (1) คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบมีความเห็นแย้งในสาระสำคัญ (2) คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้วินิจฉัยข้อกฎหมายสำคัญที่ไม่สอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันกับประเทศไทย ส่วนเรื่องการยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกาก็เป็นสิทธิที่จำเลยพึงกระทำได้
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายพนม จาก https://storage.thaipost.net/
อ่านประกอบ :
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง‘อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน’คดีฟอกเงินทอนวัด
คุก 6 ปี 24 เดือน-รอลงโทษ 1 ปี! 2 ผช.เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯฟอกเงินงบ ร.ร.ปริยัติธรรม
ศาลสั่งคุก'พนม'อีก 1 ปี 6 เดือนคดีเงินทอนวัด-'พระพรหมดิลก' 8 เดือนแต่รอลงโทษ
ละเอียด!พฤติการณ์‘บิ๊ก พศ.’ป.ป.ช. ฟันเงินทอนวัดลอตใหม่-5 มี.ค.ศาลคดีทุจริตฯนัดพิพากษาอีก
ป.ป.ช.ฟันอีกล็อต! คดีเงินทอนวัด 3 จว. 5 วัด เสียหาย 26.7 ล.-อดีตเจ้าอาวาสโดนด้วย
ศาลคดีทุจริตฯสั่งคุกจริง'พนม' 2 ปี 12 ด.โกงเงินทอนวัด-'พระพรหมสิทธิฯ'36 ด.รอลงโทษ 2 ปี
ศาลทุจริตฯสั่งคุก 20 ปี 'พนม ศรศิลป์' คดีเงินทอนวัด-มีอีก 36 สำนวนในชั้น ป.ป.ช.
‘นพรัตน์-บิ๊ก พศ.’โดนอีก! ป.ป.ช.แจ้งข้อหาพันทุจริตเงินทอนวัดญาณเมธี จ.เพชรบูรณ์
‘นพรัตน์’โดนอีก! ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาพันคดีเงินทอน 2 แห่ง-‘วัดพระพุทธบาทตากผ้า’ด้วย
ละเอียดยิบ! พฤติการณ์‘พนม-นพรัตน์’ คดีเงินทอน 3 วัด จ.ตาก ได้คืน 6 ล.
โอน 6 ล.ทอนคืนทั้งหมด! พฤติการณ์ ‘นพรัตน์’ร่วมมือเจ้าอาวาสคดีเงินทอน 3 วัด จ.ตาก
โดนอีกคดี! ป.ป.ช.ไต่สวน‘นพรัตน์’ปมเงินทอนวัด จ.ตาก-แจ้งข้อกล่าวหา 2 ครั้งไร้คนรับ
ป.ป.ช.บี้สำนักพุทธฯเอาผิด จนท.ให้ถ้อยคำเท็จคดีเงินทอนวัด-ลุยสอบทรัพย์สินเชิงลึกด้วย
‘นพรัตน์-พนม-ประนอม’ไม่รอด!ป.ป.ช.เชือด 2คดีโกงงบ พศ.โอนวัด ตปท.5ล.-เงินทอน17ล.
พฤติการณ์‘บิ๊ก พศ.’ถูก ป.ป.ช. ฟันคดีโอนให้วัด ตปท.5 ล.-เงินทอน 6 วัด 17 ล.
คตช.ลุยปราบทุจริตเงินทอนวัด331คดี!เผยผลใช้ ม.44ฟันแล้ว73คน-เอาผิดไม่ได้58คน
เปิด7สำนวนคดีเงินทอนวัดในชั้น ป.ป.ช.-3‘บิ๊ก พศ.’ถูกสอบ-เสียหายหลาย จว.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/