ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก 6 ปี 24 เดือน ‘พระเมธีสุทธิกร-พระวิจิตรธรรมาภรณ์’ 2 ผช.เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ คดีฟอกเงินทุจริตงบสนับสนุนการศึกษา ร.ร.พระปริยัติธรรม 14.2 ล. แต่ไม่เคยรับโทษมาก่อน รอการลงโทษรายละ 1 ปี ยกฟ้องจำเลยบริษัทผลิตสื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อท.205/2561 พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พระเมธีสุทธิกร หรือพระราชอุปเสณาภรณ์ หรือพระมหาสังคม หรือสังคมญาณวฑฒโน หรือนายสังคม สังฆะพัฒน์อดีต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ, พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือพระมหาเทิด หรือเทอดญาณวชิโร หรือนายเทอด วงศ์ชะอุ่ม อดีตเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และนายทวิช สังข์อยู่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ บริษัท ดีดีทวีคูณ ที่รับผลิตสื่อให้กับวัดสระเกศฯ เป็นจำเลยที่ 1-3 ถูกกล่าวหาว่าทุจริต และฟอกเงินงบประมาณสนับสนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม วงเงินกว่า 14.2 ล้านบาท
ศาลพิจารณาพยานหลักฐานเเล้ว พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5(3), 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำเลยที่ 1-2 เป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานฟอกเงินต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 90 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยที่ 1-2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
จำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละกระทงละ 2 ปี ปรับคนละกระทงละ 42,000 บาท รวม 6 กระทง ทางนำสืบของจำเลยที่ 1-2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกระทงละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละกระทงละ 1 ปี 4 เดือน และปรับคนละกระทงละ 28,000 บาท รวม 6 กระทง เป็นจำคุกคนละ 6 ปี 24 เดือน และปรับคนละ 168,000 บาท
จำเลยที่ 1-2 เป็นพระภิกษุผู้ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในพระธรรมวินัย เมื่อไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 (ที่แก้ไขใหม่) ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 (ที่แก้ไขใหม่) ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำเลยที่ 4 ในคดีหมายเลขดำที่อท 197/2561ของศาลนี้นั้น เนื่องจากคดีนี้ศาลรอการลงโทษให้จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ให้ยกคำขอในส่วนนี้และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3
โดยคดีดังกล่าวโจทก์บรรยายฟ้องสรุปได้ว่า จำเลยที่ 1-2 เป็นพระสงฆ์ จำเลยที่ 1 มีสมณศักดิ์ชื่อพระเมธีสุทธิกร จำเลยที่ 2 มีสมณศักดิ์ชื่อพระวิจิตรธรรมาภรณ์ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร มีหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าอาวาสดูแลบำรุงรักษาวัด และจัดกิจการศาสนสมบัติของวัด ตลอดจนปกครองสอดส่องให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ที่อยู่หรือพักอาศัยในวัดให้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งของมหาเถรสมาคม ซึ่งตำแหน่งของจำเลยที่ 1-2 เป็นตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์ จึงมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 45
จำเลยทั้ง 2 มีอำนาจร่วมกันลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชีวัดสระเกศฯ ตามเงื่อนไขการเปิดบัญชีอันเป็นบัญชีเงินฝากของวัดสระเกศฯ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2558 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1-2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายและจำเลยที่ 3 ได้บังอาจร่วมกันกระทำการฟอกเงินโดยจำเลยที่ 1-2 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 ทำการเบิกถอนเงินงบประมาณสนับสนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาวรจักร บัญชีออมทรัพย์ จำนวน 7 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน ไปใช้จ่ายเป็นประโยชน์ส่วนตนของจำเลยทั้ง 3 โดยที่จำเลยทั้ง 3 ทราบดีอยู่แล้วว่า เงินจํานวนดังกล่าวเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่อนุมัติเพื่อนำไปใช้สนับสนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา และเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่ได้มาจากการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น อันเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (5)
จำเลยทั้ง 3 จึงไม่สามารถร่วมกันนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้ หรือโอนไปใช้เพื่อกิจการอื่นนอกเหนือจากการนำไปใช้เพื่อกิจการสนับสนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาได้ อันเป็นการร่วมกันโอน รับโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา การโอนการได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดการได้มาครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มาครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
การกระทำของจำเลยทั้ง 3 ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน และฐานร่วมกันฟอกเงิน เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ องค์กรหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเนื่องจากจำเลยที่ 1-2 เป็นเจ้าพนักงานตามกฏหมายกระทำความผิดฐานฟอกเงินจึงต้องระวางโทษหนักขึ้นเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้นตามกฎหมายด้วย
เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2558 จำเลยทั้ง 3 ได้บังอาจร่วมกันทำการฟอกเงิน โดยจำเลยที่ 1-2 ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 ทำการเบิกถอนเงินงบประมาณสนับสนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาวรจักร จำนวน 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน ไปใช้จ่ายเป็นประโยชน์ส่วนตนของจำเลยทั้ง 3 โดยที่จำเลยทั้ง 3 ทราบดีอยู่แล้วว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่อนุมัติเพื่อนำไปใช้สนับสนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา และเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่ได้มาจากการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การกระทำของจำเลยทั้ง 3 ดังกล่าวเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงินและฐานร่วมกันฟอกเงิน
และเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ทั้ง 3 ได้ร่วมกันทำการฟอกเงิน โดยถอนเงินงบประมาณสนับสนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาวรจักร จำนวน 3.4 ล้านบาท, เมื่อวันที่ 6 ส.ค.อีก 1 แสนบาท, เมื่อวันที่ 11 ก.ย.อีก 3 ล้านบาท, เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.อีก 4 ล้านบาท
ในชั้นสอบสวนเเละชั้นพิจารณา จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่ระหว่างพิจารณา อดีตพระมหาสังคมหรือสังคม ญาณวฑฒโน จำเลยที่ 1 และ อดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด จำเลยที่ 2 อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เพิ่งได้ประกันตัววันที่ 15 ส.ค. 2562 หลังจากมีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งประกันตัว โดยอดีตพระทั้งสองได้ประกันตัวคนละ 2 ล้านบาท ซึ่งศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยที่ 1-2 เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล พร้อมกับให้มารายงานตัวต่อศาลชั้นต้นทุก 1 เดือนจนกว่าคดีจะมีคำพิพากษาด้วย ส่วน นายทวิช สังข์อยู่ ฆราวาส ซึ่งเกี่ยวข้องกับ บริษัท ดีดีทวีคูณ ผู้ผลิตสื่อให้วัดสระเกศฯ จำเลยที่ 3 ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณา จึงถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่คดีฟอกเงิน ซึ่งมีการกล่าวหาพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในวัดพื้นที่ กทม.หลายแห่ง รวมทั้งต่างจังหวัด ที่สืบเนื่องจากการทุจริตจัดสรรเงินงบประมาณ พศ.ของกลุ่มนายพนม ศรศิลป์ อายุ 60 ปี อดีต ผอ.พศ. นั้น ก่อนหน้านี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง ก็มีคำตัดสินคดีฟอกเงินฯ ไปแล้ว 2 สำนวน ประกอบด้วย 1. คดีหมายเลขดำ อท.38/2561 กล่าวหาฟอกเงินจากการที่นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อายุ 61 ปี อดีต ผอ.สำนักงาน พศ. (ตัวยังหลบหนี) คดีทุจริตจัดสรรงบประมาณ จำนวน 28 ล้านบาท ให้วัด 12 แห่งในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ , ตาก , นครสวรรค์ , ชุมพร โดยมิชอบ ที่ลงโทษจำคุก นายสมเกียรติ ขันทอง อดีตพระครูกิตติ พัชรคุณ อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และอดีตเจ้าอาวาสวัดลาดแค อายุ 56 ปี รวม 13 กระทง เป็นเวลา 26 ปี (ตัดสินวันที่ 18 เม.ย. 2562 คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยไม่ได้ประกันตัว)
2.คดีหมายเลขดำ อท.196/2561 กล่าวหาฟอกเงินจำนวน 5 ล้านบาท ในงบส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมทั้งที่ไม่มีการดำเนินโครงการ โดยเจ้าอาวาสวัดสามพระยา นำงบที่ได้มานั้นไปใช้ก่อสร้างอาคารร่มธรรมแทน ทั้งที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินนั้นมาตั้งแต่แรก ที่ลงโทษ 2 กระทง นายเอื้อน กลิ่นสาลี อายุ 75 ปี อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา , กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) , เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 จำคุก 6 ปี และ นายสมทรง อรรถกฤษณ์ อายุ 53 ปี อดีตพระอรรถกิจโสภณและเลขาเจ้าคณะกรุงเทพ จำเลยที่ 2 จำคุก 3 ปี (ตัดสินวันที่ 16 พ.ค. 2562 คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ทั้งสองได้ประกันตัวคนละ 2 ล้านบาท)
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.thaipost.net/
อ่านประกอบ :
ศาลสั่งคุก'พนม'อีก 1 ปี 6 เดือนคดีเงินทอนวัด-'พระพรหมดิลก' 8 เดือนแต่รอลงโทษ
ละเอียด!พฤติการณ์‘บิ๊ก พศ.’ป.ป.ช. ฟันเงินทอนวัดลอตใหม่-5 มี.ค.ศาลคดีทุจริตฯนัดพิพากษาอีก
ป.ป.ช.ฟันอีกล็อต! คดีเงินทอนวัด 3 จว. 5 วัด เสียหาย 26.7 ล.-อดีตเจ้าอาวาสโดนด้วย
ศาลคดีทุจริตฯสั่งคุกจริง'พนม' 2 ปี 12 ด.โกงเงินทอนวัด-'พระพรหมสิทธิฯ'36 ด.รอลงโทษ 2 ปี
ศาลทุจริตฯสั่งคุก 20 ปี 'พนม ศรศิลป์' คดีเงินทอนวัด-มีอีก 36 สำนวนในชั้น ป.ป.ช.
‘นพรัตน์-บิ๊ก พศ.’โดนอีก! ป.ป.ช.แจ้งข้อหาพันทุจริตเงินทอนวัดญาณเมธี จ.เพชรบูรณ์
‘นพรัตน์’โดนอีก! ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาพันคดีเงินทอน 2 แห่ง-‘วัดพระพุทธบาทตากผ้า’ด้วย
ละเอียดยิบ! พฤติการณ์‘พนม-นพรัตน์’ คดีเงินทอน 3 วัด จ.ตาก ได้คืน 6 ล.
โอน 6 ล.ทอนคืนทั้งหมด! พฤติการณ์ ‘นพรัตน์’ร่วมมือเจ้าอาวาสคดีเงินทอน 3 วัด จ.ตาก
โดนอีกคดี! ป.ป.ช.ไต่สวน‘นพรัตน์’ปมเงินทอนวัด จ.ตาก-แจ้งข้อกล่าวหา 2 ครั้งไร้คนรับ
ป.ป.ช.บี้สำนักพุทธฯเอาผิด จนท.ให้ถ้อยคำเท็จคดีเงินทอนวัด-ลุยสอบทรัพย์สินเชิงลึกด้วย
‘นพรัตน์-พนม-ประนอม’ไม่รอด!ป.ป.ช.เชือด 2คดีโกงงบ พศ.โอนวัด ตปท.5ล.-เงินทอน17ล.
พฤติการณ์‘บิ๊ก พศ.’ถูก ป.ป.ช. ฟันคดีโอนให้วัด ตปท.5 ล.-เงินทอน 6 วัด 17 ล.
คตช.ลุยปราบทุจริตเงินทอนวัด331คดี!เผยผลใช้ ม.44ฟันแล้ว73คน-เอาผิดไม่ได้58คน
เปิด7สำนวนคดีเงินทอนวัดในชั้น ป.ป.ช.-3‘บิ๊ก พศ.’ถูกสอบ-เสียหายหลาย จว.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/