ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง ‘พระครูกิตติ พัชรคุณ’ อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน คดีฟอกเงินทุจริตเงินทอนวัด หลังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ว่าร่วมกันจัดสรรเงินทุจริตอย่างไร-ขั้นตอนใด การอุดหนุนเงินบูรณปฏิสังขรณ์ที่วัดได้รับ 12 แห่ง ไม่ใช่ทรัพย์สินเกี่ยวกับการทำผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีฟอกเงินกรณีทุจริตเงินทอนวัด คดีหมายเลข อท.38/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พระครูกิตติ พัชรคุณ เจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าอาวาสวัดลาดแค หรือนายสมเกียรติ ขันทอง เป็นจำเลย ในความผิดฐานฟอกเงินโดยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินนั้น ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 , 5 (1) (2) (3) , 9 , 60
กรณีที่พระครูกิตติ ร่วมกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) วางแผนยักย้ายถ่ายโอนเงินทอนวัดราว 24 ล้านบาทเศษ ที่ได้เบียดบังจากการทุจริตจัดสรรงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ที่เป็นเงินอุดหนุนให้ 12 วัด 13 รายการ จำนวน 28 ล้านบาท ในการบูรณะซ่อมแซมวัด หรือเพื่อโครงการศึกษาพระปริยัติธรรม หรือโครงการเผยแผ่กิจกรรมทางศาสนา
โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมกันแล้วเห็นว่า พระครูกิตติ พัชรคุณ หรือนายสมเกียรติ ขันทอง เนื่องจากไม่ปรากฏพยานหลักฐานบ่งชี้ได้ว่าระหว่างปีงบประมาณ 2555-2559 จำเลยกับพวก และนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ. แบ่งหน้าที่กันทำเพื่อดำเนินการจัดสรรเงินอุดหนุนโดยทุจริตอย่างไร ในขั้นตอนใด จนทำให้มีการอนุมัติเบิกจ่าย ข้อเท็จจริงจึงไม่อาจรับฟังได้ตามคำฟ้อง ดังนั้นเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์ที่วัดรวม 12 แห่ง ได้รับจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ส่วนหลังจากที่วัดต่าง ๆ ได้รับเงินแล้ว จะไม่นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไปใช้ผิดระเบียบหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ หรือนำไปใช้จ่ายอย่างไร อันจะเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือมิชอบ อันจะมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก เป็นคนละกรณีกัน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
ทั้งนี้ในประเด็นจำเลยกับพวกจะร่วมกันทำให้มีการอนุมัติเบิกจ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินประเภทต่าง ๆ ให้แก่วัดทั้ง 12 แห่งตามฟ้องโจทก์โดยมิชอบหรือโดยทุจริต อันเป็นความผิดมูลฐานในคดีนี้หรือไม่ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อพิจารณาเอกสารประกอบการชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีใน จ.นครสวรรค์ ประจำปีงบประมาณ 2559 จะเห็นได้ว่ามีหนังสือเรื่องการขอเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะซ่อมแซมอาคาร , แบบคำขอรับเงินผ่านธนาคาร , ใบตอบรับเงินอุดหนุนการพัฒนาวัด และภาพถ่ายต่างๆ ของวัดรวมอยู่ด้วย และมีรายงานการประชุมคณะทำงานพิจารณาขอรับสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดฯ จึงเห็นได้ว่าเป็นการดำเนินไปตามลำดับขั้นตอนในการอนุมัติของสำนักงาน พศ. โดยยังไม่ปรากฏรายละเอียดใดๆ ที่จะทำให้ฟังได้ว่าจำเลยร่วมดำเนินการอนุมัติเบิกจ่ายเงินงบประมาณโดยมิชอบหรือโดยทุจริต
ในส่วนของวัดในจังหวัดอื่น คำเบิกความที่เกี่ยวข้องกับจำเลยยังมีข้อสงสัยไม่สมเหตุสมผล พยานหลักฐานยังขัดแย้งกันหลายประเด็น ซึ่งยังไม่เป็นการแน่ชัดว่ามีการจัดทำเรื่องขอเงินอุดหนุนหรือรู้เห็นยินยอมให้มีผู้ดำเนินการจัดทำคำขอไปยังสำนักงาน พศ.แทนหรือไม่ ส่วนวัดลาดแคที่จำเลยเป็นเจ้าอาวาสพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนก็ยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอที่จะรับฟังว่า เคยได้รับการจัดสรรงบอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดในปี พ.ศ. 2555 และ 2557 โดยมิชอบด้วยระเบียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2562 ว่า ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับนายนพรัตน์ ที่ได้จัดสรรงบ พศ. มาให้กับ 12 วัด ใน จ.เพชรบูรณ์ , นครสวรรค์ , ตาก และชุมพร โดยที่แต่ละวัดไม่ได้ทำคำของบแต่อย่างใด แต่นายนพรัตน์ให้นำบัญชีของวัดมาเพื่อจะโอนเงินให้แต่ละวัดนับล้านบาท โดยเมื่อโอนเงินแล้วให้แต่ละวัดโอนเงินกลับส่งคืนให้จำเลย เพื่อส่งต่อให้นายนพรัตน์ อ้างว่าจะนำไปให้วัดจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่ไม่มีการนำไปดำเนินการดังกล่าวจริง และได้นำมาแบ่งปันกัน และบางส่วนจำเลยนำมาให้จ่ายส่วนตัว เช่นที่อ้างว่าได้พาพระและสามเณรไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย ซึ่งการกระทำนั้นเป็นการจัดสรรงบโดยมิชอบและหลักเกณฑ์ที่ พศ. ยึดถือปฏิบัติ ซึ่งงบที่อ้างว่าที่จะใช้บูรณปฏิสังขรณ์วัดจะต้องมีคำขอจากวัด ไม่ใช่ พศ. ดำเนินการจัดสรร
พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ลงโทษ 13 กระทง กระทงละ 3 ปี แต่ทางนำสืบของจำเลยมีประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุก 26 ปี
อ่านประกอบ : ศาลคดีทุจริตพิพากษาคุก 26 ปี ‘พระครูกิตติ’ คดีฟอกเงินพันทุจริตงบสำนักพุทธฯ 28 ล.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/