กฎหมายกำหนดให้ห้ามเฉพาะข่าว มิใช่ทุกช่องทาง! ศาลอาญายกเลิกคำสั่งปิดทุกแพลตฟอร์ม 4 สื่อ ‘วอยซ์ ทีวี-ประชาไท-The Reporters-The Standard’ รวมเพจเยาวชนปลดแอกฯด้วย หลังดีอีเอส-ตร. ยื่นคำร้องเอาผิดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ
..................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็น วันที่ 21 ต.ค. 2563 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งภายหลังการไต่สวนกรณีศาลมีคำสั่งปิดเว็บไซต์ Voice TV เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กับตำรวจ ยื่นคำร้องให้ตรวจสอบและระงับ 4 สำนักข่าวออนไลน์ ได้แก่ วอยซ์ ทีวี, ประชาไท, The Reporters, The Standard กับเพจเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นสมควรให้มีการไต่สวนเพิ่มเติม
โดยศาลอาญาไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ พศ 340/2563 ดังกล่าว โดยมีบริษัทวอยซ์ ทีวี จำกัด ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านขอให้เพิกถอนคำสั่ง ทางไต่สวนได้ความว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้ร้อง ได้รับเรื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า การออกอากาศทางโทรทัศน์ของ “วอยซ์ ทีวี (Voice TV)” และสื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ “Voice TV” และ “เยาวชนปลดแอก (Free YOUTH)” มีเนื้อหาสาระที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื้อหาบางส่วนของสื่อดังกล่าวมีลักษณะชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมการชุมนุมอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร แต่เนื่องจากไม่สามารถให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตปิดกั้นการเข้าถึงเป็นการเฉพาะข้อมูลได้ จึงขอให้ปิดช่องทางการสื่อสารทั้งหมดของสื่อดังกล่าวข้างต้น
ศาลอาญาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 35 วรรคสอง บัญญัติห้ามรัฐปิดสื่อมวลชนเพื่อลิดรอนเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร มาตรา 36 วรรคหนึ่ง บัญญัติรับรองเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกัน การตีความพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 20 ก็ดี พระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 (3) ก็ดี จึงต้องเป็นไปโดยสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว ทั้งนี้ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 20 ให้อำนาจศาลระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลออกจากระบบคอมพิวเตอร์ และมาตรา 3 ของพระราชบัญญัตินี้ระบุว่า “ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายถึง ข้อมูล ข้อความ ... ในระบบคอมพิวเตอร์ ดังนั้น เจตนารมณ์ของกฎหมายย่อมมุ่งหมายที่จะให้ศาลห้ามโดยเฉพาะเจาะจงซึ่งข้อมูลที่เป็นความผิด ตามมาตรา 20 (1) ถึง (3) โดยเฉพาะเจาะจงเป็นรายข้อความ ส่วนพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 (3) ห้ามการเสนอข่าวที่มีข้อความทำให้ประชาชนหวาดกลัว...นั้น
กฎหมายประสงค์ให้ห้ามเป็นการเฉพาะข่าวหรือข้อความ เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการห้ามเข้าถึงข้อมูลหรือข้อความที่มีการนำเสนอ ปรากฏต่อศาลในปัจจุบันแล้วว่าขัดต่อกฎหมาย กฎหมายหาได้มีเจตนารมณ์ที่จะให้ศาลมีคำสั่งปิดช่องทางการสื่อสารของบุคคลหรือสื่อสารมวลชน ทั้งช่องทาง ซึ่งมีผลการนำเสนอข้อความ ในอนาคตที่ยังไม่มีการพิสูจน์ความผิดด้วย ส่วนความขัดข้องในเรื่องการปิดกั้นการเข้าถึงทางเทคนิคนั้น เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดี ไม่มีผลให้เปลี่ยนแปลงหลักกฎหมาย ดังนั้น การที่ศาลมีคำสั่งระงับการแพร่หลาย ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม URL ทั้ง 12 รายการ ซึ่งเป็นการปิดช่องทางการสื่อสารของสถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี และกลุ่มเยาวชนปลดแอก Free YOUTH โดยเหตุที่ผู้ร้องไม่ได้แสดงให้ชัดเจนว่าเป็นการขอให้ปิดสื่อทั้งช่องทาง ทำให้ศาลมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันถูกต้อง เข้าใจว่าเป็นการปิดกั้นเฉพาะเนื้อหาบางส่วนที่คัดนำเสนอต่อศาล คำสั่งศาลดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งศาลที่ให้ระงับการแพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ในคดีนี้ ยกคำร้อง
อนึ่ง ช่วงบ่าย วันเดียวกัน นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงความคืบหน้าคำสั่งการปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ของสื่อ 4 แห่ง และเพจเยาวชนปลดแอก – Free YOUTH (เพจเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคณะราษฎรใหม่) ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ เริ่มจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งมาในฐานะผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ส่งมาให้ดีอีเอสโดยส่งรายชื่อสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ให้เฝ้าระวัง
นายภุชพงค์ กล่าวอีกว่า นอกจากวอยซ์ทีวีแล้ว ศาลยังมีคำสั่งปิดทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของแฟนเพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก – Free YOUTH ด้วย ขณะที่แพลตฟอร์มออนไลน์สื่ออีก 3 แห่ง ได้แก่ ประชาไท The Reporters และ The Standard ที่ปรากฏข่าวก่อนหน้านี้ตำรวจตรวจสอบพบว่าอาจกระทำผิดประกาศตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นั้น พบว่าไม่เข้าข่ายที่ต้องเสนอให้ศาลสั่งปิด เนื่องจากตอนตรวจสอบไม่พบหลักฐาน หรืออาจจะมีการลบไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2563 ศาลอาญามีคำสั่งให้ปิดทุกแพลตฟอร์มในสื่อออนไลน์ของสำนักข่าว Voice TV ไปแล้วก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ : สั่งปิดทุกแพลตฟอร์มออนไลน์‘วอยซ์ทีวี’-ผู้บริหารแถลงยันทำตามวิชาชีพสื่อ-ไม่เคยบิดเบือน)
อ่านประกอบ :
สั่งปิดทุกแพลตฟอร์มออนไลน์‘วอยซ์ทีวี’-ผู้บริหารแถลงยันทำตามวิชาชีพสื่อ-ไม่เคยบิดเบือน
ถูกใช้นัดชุมนุม! ดีอีเอส-กสทช.แจ้งผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระงับแอปฯเทเลแกรม
ไม่ได้ปิดสื่อแค่จัดการข้อมูล! กอร.ฉ.ผุด กก.คุมข่าว-เดินมาตรการรุกบังคับใช้กฎหมาย
ไม่ได้ปิดกั้น! รมว.ดีอีเอสให้รองปลัดฯแจ้งความสื่อผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-จับตา 3 แสน URL
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage