ความคืบหน้าหลังกลุ่มคณะราษฎรใหม่ถูกสลายชุมนุม-จับกุมแกนนำบางส่วนไปควบคุมตัว 'อานนท์' โพสต์เฟซบุ๊กระบุ โดน 2 หมายจับ ม.116 ที่เชียงใหม่-ปทุมธานี เผยถูกชุดหนุมานกองปราบนำตัวขึ้น ฮ. - บช.ภ.5 เตรียมตัวรับส่งให้ สภ.เชียงใหม่สอบ ขอศาลฝากขังด้วย - ส.ส.ก้าวไกล รุดมา ตชด.ภาค 1 เตรียมประกันตัวแกนนำ- นายกฯประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน - จนท.กระชับแนวกำลังยึดคืนพื้นที่ชุมนุมทำเนียบรัฐบาลได้ทั้งหมดแล้ว
........................................
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2563 ภายหลังการสลายชุมนุมกลุ่มคณะราษฎรใหม่ และมีการจับกุมแกนนำบางส่วนไปควบคุมตัวไว้แล้วนั้น เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.ที่ผ่านมา นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มคณะราษฎรใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ขณะนี้ถูกจับตัวมาที่ ตชด. (กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน) โดยโดน 2 หมายจับคือ 1.หมายจับที่เชียงใหม่ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ 2.หมายจับที่ปทุมธานี โดยถูกแจ้งความหลังขอให้ตรวจสอบการใช้เงินของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยตำรวจแจ้งว่ามีความผิดตามมาตรา 116 เช่นกัน ขณะนี้กำลังถูกสอบสวน จากนั้นจะส่งตัวไปที่เชียงใหม่ตามหมายจับ
นายอานนท์ โพสต์อีกอ้างว่า ตำรวจบังคับให้ตนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปเชียงใหม่ โดยไม่ให้ทนายไปด้วย นี่คือการละเมิดสิทธิและอันตรายกับตนอย่างยิ่ง ต่อมาได้โพสต์อีกความว่า มีหน่วยหนุมานกองปราบ พร้อมอาวุธ มาควบคุมตนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่กองบินตำรวจ
วันเดียวกัน มีรายงานแจ้งว่า ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (บช.ภ.5) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จิระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ (บช.ภ.5) และตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ เข้าประชุมด่วน เพื่อเตรียมรอรับตัว นายอานนท์ นำภา ผู้ต้องหาคดีตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.519/2563 ในข้อหาร่วมกันกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ มิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง , ฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมโดยจัดให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือมั่วสุมในสักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค หรือกระทำการอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่เชื้อโรค ณ ที่ใดๆทั่วราชอาณาจักร ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาตแพร่ออกไป ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่"
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ตำรวจจะนำตัว นายอานนท์ ขึ้นเครื่องบินจากกองบินตำรวจ มาดำเนินคดีที่ จ.เชียงใหม่ ในช่วงค่ำวันนี้หรือเช้าวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) โดยหลังจากนำตัวมาจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ก็จะนำตัวมาสอบสวนที่ บช.ภ.5 โดยจะให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ มาสอบปากคำ หลังจากนั้นจะนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้มีการเตรียมกำลังตำรวจไว้กว่า 30 นายรอรับตัว (อ้างอิงข่าวจาก เดลินิวส์ออนไลน์ : https://www.dailynews.co.th/politics/801170)
@ส.ส.ก้าวไกลรุด ตชด.ภาค 1 เตรียมเป็นนายประกันแกนนำ
วันเดียวกัน เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ทีมประชาสัมพันธ์พรรคก้าวไกล แจ้งว่า ทีม ส.ส. พรรคก้าวไกล นำโดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค, ศิริกัญญา ตันสกุล, พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค, เบญจา แสงจันทร์ และผม รังสิมันต์ โรม ได้เดินทางมายังกองบัญชาการ ตชด. ภาค 1 และเตรียมเป็นนายประกันให้ประชาชนผู้ถูกควบคุมตัวจากการสลายการชุมนุมเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้ถูกคุมตัวมีจำนวนทั้งหมดรวม 23 คน เป็นแกนนำ 5 คน ผู้ร่วมชุมนุม 18 คน โดย ทนายอานนท์ นำภา และเจมส์ ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ ได้ถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินตำรวจส่งตัวไปเชียงใหม่ โดยมี ส.ส. ปดิพัทธ์ สันติภาดา รอเตรียมยื่นประกันตัว ซึ่งเราจะติดตามความเป็นไปของทั้งสองคนนี้ต่อไป
สำหรับแกนนำอีก 3 คน ได้แก่ เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์, รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และณัฐชนน ไพโรจน์ จะถูกนำตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรี บ่ายนี้ ซึ่งเราจะเตรียมยื่นประกันตัวต่อไป
@ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉฺนฯตอนตี 4-สลายชุมนุมม็อบคณะราษฎรใหม่
ในช่วงเวลา 04.00 น. วันที่ 15 ต.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ระบุว่า โดยที่ปรากฏว่ามีบุคคลหลายกลุ่มได้เชิญชวน ปลุกระดม และดำเนินการให้มีการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะในกรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการและช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวาย และความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชน มีการกระทำที่กระทบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนิน มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่มีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของรัฐ หรือบุคคล อันมิใช่การชุมนุมโดยสงบที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อีกทั้งยังกระทบโดยตรงต่อสัมฤทธิผลของมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อันส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในภาวะเปราะบาง
กรณีนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขกรณีดังกล่าวให้มีการยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทันท่วงที เพื่อให้มีการปฏิบัติตามฎหมาย และรักษาความสงบเรียบร้อยและประโยชน์ส่วนรวม อาศัยอำนาจตามความมาตรา 5 และ 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 นายกรัฐมนตรี จึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เวลา 04.00 น.เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2563
ลงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ต่อมาเวลา 04.30 น. ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. อ่านประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ผู้นุมฟัง ให้เวลา 15 นาทีเก็บของ เดินมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ หากไม่ปฏิบัติตาม จะจับกุมตามกฎหมาย
จากนั้น นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 ประกาศให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับบ้านทันที ก่อนที่ตำรวจหลายร้อยนาย เดินเรียงหน้าเข้าเคลียร์พื้นที่แล้วตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยไล่รื้อรั้วเหล็กออก แล้วเข้าควบคุมพื้นที่ทั้งหมด ตั้งแต่หน้าโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมพิตร ไปตลอดตั้งแต่ด้านทำเนียบรัฐบาล และพาณิชย์พระนคร
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับนายอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ นักศึกษา ม.เชียงใหม่ รวมทั้งมวลชนบางส่วน ไปสอบสวนที่ตชด.ภาค1คลอง5 จ.ปทุมธานี พร้อมกระชับแนวกำลังยึดคืนพื้นที่ชุมนุมทำเนียบรัฐบาลได้ทั้งหมดแล้ว
ก่อนหน้านั้น ในช่วงค่ำวันที่ 14 ต.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรใหม่ ที่ปักหลักชุมนุมกันอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตั้งแต่ช่วงเช้า ว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 14 ต.ค.2563 หัวขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 เคลื่อนมาถึงทำเนียบรัฐบาลแล้ว โดยนายอานนท์ นำภา ประกาศตั้งโรงครัว เตรียมปักหลักชุมนุมค้างคืน
ต่อมาเวลา 19.20 น. ทำเนียบรัฐบาลแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ในวันที่ 15 ต.ค.2563 ขอให้สื่อมวลชนและข้าราชการงดเข้าปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาล
ต่อมาเวลาประมาณ 20.45 น. ในขณะที่แกนนำผลัดเปลี่ยนขึ้นปราศรัย ที่แยกมิสักวัน ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกาศผ่านโทรโข่งขอให้เลิกการชุมนุมเวลา 22.00 น. เนื่องจากกีดขวางทางจราจร และผิด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ขณะที่การชุมนุมในรัศมี 50 เมตรจากทำเนียบรัฐบาลถือว่าผิดกฎหมาย ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของมวลชน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. เป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ที่มวลชนคณะราษฎรใหม่ ชุมนุมเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ บริเวณ ถ.นครสวรรค์ ด้านหน้าสำนักงานธนาคาร ธ.ก.ส. สาขานางเลิ้ง โดยมวลชนได้นำกระดาษ พร้อมข้อความไปปิดไว้ที่รถบัสตำรวจที่ขวางเส้นทางการเคลื่อนขบวน
กระทั่ง เวลา 16.45 น. แกนนำคณะราษฎรใหม่แจ้งว่า ผลการเจรจาออกมาแล้ว โดยตำรวจยอมเปิดทางให้มวลชน ขณะที่ตำรวจได้ถอยรถบัสทั้ง 4 คันออกจากพื้นที่ แต่ยังคงตั้งแนวถอยร่นจากจุดเดิมไปประมาณ 50 เมตร
เมื่อเวลา15.50 น. มวลชนจำนวนหนึ่งได้พยายามดันรถบัสของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ท่ามกลางเสียงตะโกน เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่เปิดทางให้มวลชนเดินผ่านไป
เมื่อเวลา 15.30 น.มวลชนบริเวณสะพานเทวกรรมรังรักษ์สามารถฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ออกมาได้ และได้มุ่งหน้าไปที่ถนนนครสวรรค์ จนกระทั่งมาเจอตำรวจตระเวนชายแดนตั้งแถวรับอีกหนึ่งชุดบริเวณธนาคาร ธ.ก.ส.
15.00 น. แกนนำคณะราษฎร 2563 เคลื่อนขบวนบางส่วนถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เส้นทางจากถนนราขดำเนิน เลี้ยวขวาแยกผ่านฟ้าลีลาศ ใช้ถนนนครสวรรค์ผ่านตลาดนางเลิ้ง โดยขบวนมาหยุดที่บริเวณสะพานเทวกรรมรังรักษ์ เนื่องจากมีการตั้งแถวของเจ้าหน้าที่อย่างคับคั่ง ส่วนตลอดเส้นทางถนนราชดำเนินยังคงเต็มไปด้วยประชาชนสวมเสื้อเหลือง และการตั้งแถวคุมพื้นที่ของเจ้าหน้าที่
เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศเคลื่อนขบวนการออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมายังทำเนียบรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลแจ้งสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ที่ไม่ส่วนเกี่ยวข้องให้ออกจากทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด โดยจะปิดประตูทางเข้า-ออก (ชมภาพ)
เวลา 13.30 น. นายสุเทพเทือกสุบรรณผู้ร่วมก่อนตั้งพรรคพร้อมด้วยนายชุมพลจุลใสนายวิทยา อดีตแกนนำกปปส. นายเขตรัฐและน.ส.จุฑาทัตตเหล่าธรรมทัศน์ส.ส.บัญชีรายชื่อเดินทางมาที่บริเวณลานพลับพลามหาเจษฏาบดินทร์พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าวันเดียวกันนี้เดินทางมาในฐานะพสกนิกรที่ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัริย์และในช่วงนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จปฏิบัติภารกิจตามประเพณีเราก็มาเฝ้ารับเสด็จและส่งเสด็จแล้วจึงกลับบ้านซึ่งมีคนไทยทำกันอยู่เป็นปกติประจำ
เมื่อถามว่าอยากจะสื่อสารอะไรไปถือกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่นายสุเทพกล่าวว่าไม่ประสงค์ที่จะพูดจาอะไรให้ใครกระทบกระเทือนใจและไม่สบายใจ เอาเป็นว่าพวกตนมาในฐานะที่เป็นประชาชนที่มีความจงรักภักดีเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามเราไม่เผชิญหน้ากับใครไม่มีเจตนาที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าหรือท้าทายเรามาด้วยความสงบเรีนยร้อย
เมื่อถามว่าการมาครั้งนี้ถือเป็นการจัดม็อบชนม็อบหรือไม่นายสุเทพกล่าวว่าไม่พวกตนไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนและคิดว่าฝ่ายอื่นๆถ้ามีอุดมการณ์จริงๆก็ไม่ควรจะทำ ส่วนจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่เราต้องช่วยกันคนไทยในประเทศช่วยกันตั้งสติให้สติทุกฝ่ายก็จะเข้าใจความวุ่นวายใดๆล้วนเป็นความเสียหายกับประเทศทั้งนั้นทั้งนี้ไม่กังวลเพราะตนไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าและกลุ่มของตนก็มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ และผู้หญิงไม่มาก่อเรื่องกับใคร
เมื่อถามว่าต่อว่าในฐานะที่เคยบริหารประเทศมองอย่างไรที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าหมดเวลาของพล.อ.ประยุทธ์ในการบริหารประเทศแล้วนายสุเทพกล่าวว่าตนเป็นคนที่เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นคนดีเป็นคนที่ตั้งใจทำงานให้บ้านเมืองและที่เข้ามาเป็นนายกฯเพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติและประชาชนตนยังยืนยันอย่างนั้นอยู่
เมื่อถามอีกว่ากังวลหรือมที่การชุมนุมปักหลักอยู่ในบริเวณที่ขบวนเสด็จจะต้องผ่านนายสุเทพกล่าวว่าตนคิดว่าประชาชนคนไทยก็ควรที่สำนึกเราในฐานะที่เป็นพสกนิกรสมควรประพฤติปฏิบัติอย่างไรส่วนที่นัดการมาอยู่ตรงนี้เพราะพื้นที่กว้างและต้องนั่งอีกหลายชั่วโมง
อนึ่ง ในช่วงเช้ากลุ่มมวลชน และแกนนำคณะราษฎรใหม่ เริ่มปักหลักบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลังจากเลื่อนการชุมนุมจากเดิมนัด 14.00 น. มาเป็น 08.00 น. โดยมีการตั้งเวทีปราศรัย นำโดยนายอานนท์ นำภา และแกนนำคนอื่น ๆ เน้นย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง และขอให้ชุมนุมโดยสงบ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีการปะทะกับใครใด ๆ ทั้งสิ้น
มีรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ม็อบคณะราษฎรใหม่ มีการปิดถนนราชดำเนิน ฝั่งร้านแมคโดนัลด์ ตั้งแต่บริเวณแยกคอกวัว ถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ โดยยังมีแกนนำสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย โดยนายอานนท์ นำภา ยืนยันว่า บ่ายวันนี้จะมีการเคลื่อนขบวนเข้าทำเนียบรัฐบาล (ชมภาพ)
อย่างไรก็ดี ตลอดสองข้างทางของถนนราชดำเนินเต็มไปด้วยประชาชนที่สวมใส่เสื้อเหลือง โดยมีจุดสำคัญทั้งหมด 3 จุด ประกอบด้วย บริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นจุดรวมตัวของกลุ่มไทยภักดี มี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นแกนนำ , บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นัดรวมตัว และจุดสุดท้ายคือบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ มีอดีตพระพุทธอิสระ และ นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ประกาศนัดรวมตัวกันบริเวณดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดได้นัดหมายให้มวลชนสวมเสื้อเหลืองมารอรับเสด็จอีกด้วย (ชมภาพ)
ขณะเดียวกันมีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เริ่มมีเจ้าหน้าที่มาติดตั้งแท่นแบริเออร์ พร้อมลวดหนาม บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าทำเนียบฯแล้ว (ชมภาพ)
@ตร.จัดกองควบคุมฝูงชน 1.4 หมื่นนายรับมือม็อบ-ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด
วันเดียวกัน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า หลังจากผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร ปรับเปลี่ยนเวลานัดหมายการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากช่วงบ่ายมาเป็นช่วงเช้า ตำรวจได้จัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน 99 กองร้อย หรือ ประมาณ 14,000 นาย และจะมีการปรับกำลังตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เน้นป้องกันไม่ให้มีการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มที่มีความเห็นต่าง และป้องกันมือที่สามฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยืนยันว่าตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ไม่อนุญาตให้มีการพักค้างคืน หลังจากนี้จะมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนได้อย่างเหมาะสม
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า สำหรับการควบคุมตัว 21 แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุม บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2563 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการกระทำผิดซึ่งหน้า ทั้งการมั่วสุม ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในภาพรวม ตำรวจได้มีการแจ้งเตือน ขอร้อง เจรจา ก่อนนำไปสู่การเข้าควบคุมตัว เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และไปกระทบสิทธิการใช้ชีวิตประจำวันของผู้อื่น พร้อมดำเนินคดีเบื้องต้น 10 ข้อหา เช่น ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน, มั่วสุมตั้งแต่10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น, มั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งช่วงเช้าวันนี้ พนักงานสอบสวน จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยื่นฝากขังต่อศาลต่อไป ส่วนการประกันตัวเป็นให้เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ขณะที่การชุมนุมก่อความวุ่นวาย บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวานนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ว่ามีผู้ใดกระทำผิดบ้าง ซึ่งตำรวจได้บันทึกข้อมูลหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับใคร
รองโฆษก ตร. ระบุด้วยว่า แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 5 เส้นทาง ได้แก่ ถนนราชดำเนินกลาง ถนนดินสอถนนหลานหลวง ถนนตะนาว และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เนื่องจาก อาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ยืนยันว่าตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่เป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมาย พร้อมขอความร่วมมือให้ผู้ชุมนุมปฎิบัติตนตามกรอบของกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
@รองเลขานายกฯ-แรมโบ้อีสาน-ตร. ประชุมรับมือหากม็อบปักหลักค้างคืน
วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเช้ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับตำรวจสันติบาล 3 ที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ในทำเนียบฯ ได้เตรียมแผนซักซ้อมหากผู้ชุมนุมเคลื่อนเข้ามายังทำเนียบฯ โดยใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 จำนวน 2 กองร้อย เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำประตูทางเข้า-ออกโดยรอบทั้งหมด รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดตรวจรถยนต์และบุคคลที่จะเข้ามาภายในทำเนียบฯจะต้องมีบัตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้ประสานกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) เข้ารอภายในทำเนียบฯ หากเกิดกรณีฉุกเฉินด้วย
ส่วนบรรยากาศการทำงานของข้าราชการภายในทำเนียบฯ ยังคงมีข้าราชการเดินทางมาทำงานตามเวลาปกติ ทั้งนี้ไม่มีวาระงานการประชุมของรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี มีเพียงการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุม 14 ต.ค. 2563 กรณีหากกลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักค้างคืนรอบทำเนียบฯ โดยมีนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นประธานการประชุม ร่วมกับนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการสันติบาล 3 ตำรวจนครบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายประทีป และนายสุภรณ์ ได้รายงานผลการประชุมให้ นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) รับทราบด้วย
มีรายงานว่า ฝ่ายความมั่นคงประสานขอความร่วมมือสื่อมวลชนทุกสื่อในการงดรายงานข่าวบันทึกภาพและเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบฯ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/