‘ศรีสุวรรณ’ ลุยยื่น ป.ป.ช.สอบปมคลิปเสียง ‘ส.ส.ชื่อดัง’ เรียกรับเงินเอกชน 12 ล้าน วิ่งเต้นประมูลติดกล้องซีซีทีวี ศธ. - 'วัชรพล' ยันมีอำนาจลุยไต่สวนได้
....................................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2563 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องพร้อมพยานหลักฐานต่อ ป.ป.ช. กรณีสื่อมวลชนเผยแพร่คลิปเสียงปรากฏชื่อคล้าย ส.ส.ชื่อดังรายหนึ่ง กำลังเจรจาเรียกรับเงินจำนวน 12 ล้านบาท จากบริษัทที่รับติดกล้องโทรทัศน์กล้องวงจรปิด (CCTV) โครงการ Safe Zone Schools ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแลกกับการเคลียร์สื่อมวลชน และคนใหญ่คนโตในหลายวงการ เพื่อให้ยุติการนำเสนอข่าวด้านลบของบริษัทดังกล่าว
นายศรีสุวรรณ ระบุว่า การกระทำดังกล่าว หากพิสูจน์แล้วเป็นจริง ถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และเป็นการทำลายสถาบันการปกครองในระบบประชาธิปไตยของไทยเลยทีเดียว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ฐานกรรโชกทรัพย์ และมาตรา 149 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 5 ปี-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท หรือประหารชีวิต
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุอีกว่า นอกจากนี้ยังเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ.2561 อย่างร้ายแรง ในข้อ 8 และข้อ 9 ที่กำหนดว่า ส.ส.ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ทุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ และต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่
นายศรีสุวรรณ ระบุด้วยว่า กรณีดังกล่าวยังถือได้ว่าเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคล กับประโยชน์ส่วนรวม เข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติในมาตรา 129 ประกอบ มาตรา 128 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 เพราะถือว่าเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมด้วย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. จะต้องรีบพิสูจน์และดำเนินการไต่สวน และชี้มูลว่ามีความผิดจริงหรือไม่ อย่างไร หากเป็นไปตามคลิปที่ปรากฎจะได้ส่งสำนวนให้อัยการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อพิจารณาพิพากษาลงโทษให้ออกจากตำแหน่ง ส.ส. และตัดสิทธิ์ทางการเมือง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 101 ประกอบมาตรา 98 ต่อไป กรณีนี้จะเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งว่า การทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ว่าจะสามารถทำหน้าที่ได้ตรงไปตรงมาได้หรือไม่ด้วย
@'วัชรพล'เผย ป.ป.ช.มีอำนาจลุยสอบได้
วันเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า สำนักงาน ป.ป.ช. มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเรื่อนี้หรือไม่ว่า ป.ป.ช. มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเรื่อง มีอำนาจในการตรวจสอบพยานหลักฐานและสอบพยานที่เกี่ยวข้อง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage