ศบค.เสนอคณะรัฐมนตรีต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือนถึง 30 ก.ย. ระบุอยู่ในช่วงผ่อนคลายกิจกรรมเสี่ยง - ทั่วโลกยังติดเชื้อเพิ่ม ขณะที่สถานการณ์โควิดไทยวันนี้ พบป่วยเพิ่ม 1 รายกลับจากสิงคโปร์ เหลือรักษาใน รพ. 113 ราย
---------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน โดยวันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 1 รายกลับจากสิงคโปร์ รวมป่วยสะสม 3,390 ราย หายป่วยเพิ่ม 1 ราย รวม 3,219 ราย ทำให้เหลือผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 113 ราย และเสียชีวิตคงเดิม 58 ราย
สำหรับสถานการณ์โลก พบป่วยเพิ่ม 278,153 ราย รวม 22,859,239 ราย หายป่วยแล้ว 15,513,997 ราย เสียชีวิต 797,009 ราย โดย สหรัฐอเมริกา พบป่วยเพิ่ม 45,341 ราย รวม 5,746,272 ราย บราซิล ป่วยเพิ่ม 44,684 ราย รวม 3,505,097 ราย อินเดีย ป่วยเพิ่ม 68,507 ราย รวม 2,904,329 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 115 ของโลก
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า วันนี้จะมีคนเดินทางเข้าไทยอีก 405 รยาจาก 4 ประเทศ ประกอบด้วย เกาหลีใต้ 201 ราย สิงคโปร์ 102 ราย สหรัฐอเมริกา 79 ราย และศรีลังกา 23 ราย โดยทั้งหมดต้องเข้ากักตัวในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) เพื่อเฝ้าดูอาการกเป็นระยะเวลา 14 วันต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยถึงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยที่ประชุมรับทราบการเตรียมความพร้อมทางด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้มีแล็บพร้อมตรวจหาเชื้อโควิดใน 71 จังหวัดจาก 77 จังหวัด และกำลังดำเนินการให้มีความก้าวหน้าในลักษณะ 1 แล็บ 1 จังหวัดต่อไป โดยที่ผ่านมาตรวจหาเชื้อไปแล้ว 799,936 ตัวอย่าง หรือคิดเป็น การตรวจ 12,011 รายต่อประชากร 1 ล้านคน
ส่วนความพร้อมด้านเวชภัณฑ์ กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ขณะนี้มีหน้ากากอนามัยชนิด N958 พร้อมใช้งาน 1,740,111 ชิ้น , ชุดพีพีอี 557,989 ชุด , เครื่องช่วยหายวใจว่างพร้อมใช้ 11,156 เครื่อง และมียาฟาวิพิราเวียร์ 590,440 เม็ด หรือใช้ในการช่วยผู้ป่วยได้ประมาณ 8,434 คน
ขณะที่ความคืบหน้าทางด้านวัคซีน ของไทยโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบในมนุษย์ ก่อนที่จะดำเนินการในเฟสต่อไปที่มีอีก 3 ระยะคือ ทดสอบเพื่อเน้นด้านความปลอดภัย , เน้นด้านกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และเน้นด้านการป้องกันโรค ส่วนกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้าไปมากและเข้าสู่ระยะที่ 3 แล้ว ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี รัสเซีย หรือแม้กระทั่งอังกฤษ ส่วนไทยจะมีขั้นตอนการได้มาซึ่งวัคซีน คือ 1.เตรียมการผลิตโดยรับถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้ผลิตต่างประเทศที่มีศักยภาพการผลิต 2.สั่งจองซื้อกับประเทศผู้ผลิต โดยจะต้องแสดงความจำนงล่วงหน้า และต้องมีการเจรจาในระดับทวิภาคี และ 3.วิจัยกันเอง โดยจุฬาฯ กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ และรัฐจะสนับสนงบประมาณในการดำเนินการต่อไป
นอกจากนั้น ศบค.ยังทราบรายงานตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอเสนอสถานการณ์โควิดทั่วโลก ที่พบว่าภายนอกประเทศยังมีการติดเชื้อในระดับที่สูง ขณะที่ไทยอยู่ในช่วงที่มีการผ่อนคลายกิจการกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อโรคสูง เช่น เปิดโรงเรียนเต็มรูปแบบ , อนุญาตให้แข่งกีฬาแบบมีผู้ชม หรือเปิดบริการขนส่งสาธารณะเต็มประสิทธิภาพ ที่ประชุมจึงได้เห็นชอบเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 5) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. – 30 ก.ย.นี้
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage