ครม.อนุมัติ 3 โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ใช้เงินกู้ 4,029 ล้านบาท จ้างอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น-จ้างงานทุกตำบลๆละ 2 คน-จ้างคนเฝ้าระวังสร้างแนวกันไฟ ตั้งเป้าเพิ่มการจ้างงานในระดับท้องถิ่นกว่า 3.9 หมื่นอัตรา
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในการประชุมครั้งที่ 11/2563 จำนวน 3 โครงการ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ กรอบวงเงินไม่เกิน 4,029.15 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเพิ่มการจ้างงานในท้องถิ่นได้ประมาณ 3.9 หมื่นอัตรา ประกอบด้วย
1.อนุมัติโครงการอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย วงเงินไม่เกิน 1,080.59 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ระหว่างเดือนก.ค.2563-ก.ย. 2564
สำหรับโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ ได้แก่ ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้ปฏิบัติงานเป็นอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น เป็นระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องได้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อให้มีความรู้และทักษะปฏิบัติในการดูแลผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองในหมู่บ้านหรือชุมชนได้
กระจายรายได้ให้ประชาชน โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะมีคุณสมบัติในการประกอบอาชีพนักบริบาลในสถานประกอบการและนักบริบาลอิสระเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐในการดูแลรักษา
ทั้งนี้ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ คือ การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 932.88 ล้านบาท เพิ่มการจ้างงานให้แก่ประชาชน จำนวน 15,548 คน และเกิดนักบริบาลที่เป็นอาชีพใหม่ในท้องถิ่น จำนวน 15,548 คน
2.อนุมัติโครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ ของกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย วงเงินไม่เกิน 2,701.87 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ระหว่างเดือนส.ค.2563-ก.ย.2564
สำหรับโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ ได้แก่ ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานในทุกตำบล ตำบลละ 2 คน ทั่วประเทศ จำนวน 14,510 คน เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 2,701.87 ล้านบาท กระจายลงพื้นที่ อีกทั้งเพื่อเป็นฐานข้อมูลแบบบูรณาการ (Data Base) ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการวางแผนพัฒนาพื้นที่ทในทุกระดับ เช่น แผนพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน แผนพัฒนาตำบล เป็นต้น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการพัฒนาพื้นที่
ส่วนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ คือ เพิ่มการจ้างงานตำบลละ 2 คน ใน 7,255 ตำบลทั่วประเทศ รวม 14,540 คน อัตราค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท ระยะเวลาจ้าง 12 เดือน คิดเป็นมูลค่า 2,611.8 ล้านบาท เกิดฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาพื้นที่แบบบูรณากร (Data Base) ที่มีประสิทธิภาพ และเกิดการกระจายรายได้ถึงมือประชาชนในพื้นที่
3.อนุมัติโครงการเฝ้าระวังสร้างแนวกันไฟ สร้างรายได้ชุมชน ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วงเงินไม่เกิน 246.69 ล้านบาท ระยะเวลาในการดำเนินโครงการระหว่างเดือนก.ค.2563-พ.ค.2564
โดยวัตถุประสงค์โครงการนี้ ได้แก่ ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ จำนวน 9,137 คน โดยได้รับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามมาตรฐานกรมบัญชีกลาง 300 บาทต่อวัน เฉลี่ย 30 วันต่อเดือนต่อคน เฝ้าระวังและลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟป่า และ3.เพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาไฟป่า
ส่วนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ คือ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน รวม 246.69 ล้านบาท เพิ่มการจ้างงานให้แก่ประชาชน จำนวน 9,137 คน
น.ส.รัชดา กล่าวว่า โครงการจ้างงานและเพิ่มรายได้ให้ประชาชนจะทยอยเข้าสู่การพิจารณาของครม.อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จะมีการจัดทำแพลตฟอร์มแรงงาน เพื่อบันทึกข้อมูลการจ้างงานของโครงการต่างๆภายใต้พ.ร.ก.เงินกู้ เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนของผู้เข้าร่วมโครงการ
อ่านประกอบ :
ฟันธง 2 ปีเศรษฐกิจกลับสู่ปกติ! ‘วิรไท’ ห่วงนศ.จบใหม่ไม่มีงานทำ-'ปธ.ทีดีอาร์ไอ' แนะตุนเงินสด
ธปท.พบนักวิเคราะห์! ‘วิรไท’ มองเศรษฐกิจฟื้นไตรมาส 3-เชื่อโควิดไม่ระบาดรอบ 2 ในไทย
ว่างงานแตะ 2.7 ล้านคนยาว 3 ปี! ‘ทีดีอาร์ไอ’ แนะรัฐเร่งใช้งบฟื้นฟูฯ-พัฒนาภาคเกษตรรองรับ
เปิดรายงานกนง. ห่วงจ้างงานอ่อนแอ-จีดีพีทรุดกว่าที่คาด หนุนรัฐปรับโครงสร้างศก. 5 ด้าน
ขอบคุณภาพ : www.thaigov.go.th
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/