'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 10.5 ล้าน- 'สหรัฐ' กว้านซื้อยาเรมดิซิเวียร์ 5 แสนชุด ใช้ยาว 3 เดือนรักษาผู้ป่วยโควิด- มท.1 'สโลเวเนีย' ประกาศลาออก หลัง จนท.ค้นบ้านนักการเมือง-ขรก.เอี่ยวเอื้อปย.ซื้อชุดพีพีอี- WHO ส่งทีมงานลงพื้นที่เมืองอู่ฮั่นหาต้นตอไวรัส- 'โตเกียว' ประกาศ 7 หลักเกณฑ์ประเมินปิดเมืองรอบใหม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสล่าสุดว่า ในช่วงเช้าวันที่ 1 ก.ค. ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 10,557,273 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 153,781 ราย เสียชีวิต 512,917 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4,803 ราย
ส่วนสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม ผู้ติดเชื้อรายวัน และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 2,681,527 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 44,450 ราย เสียชีวิต 128,774 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 337 ราย รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดอยู่ที่ 7,155 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกานั้น มีรายงานว่า นายอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชนสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่า ทีมงานบริหารของของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจซื้อยาเรมเดซิเวียร์ (remdesivir) จำนวน 500,000 โดส จากบริษัท Gilead Sciences Inc เพื่อจะใช้รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ในสหรัฐฯที่มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้มีการประเมินจาก นพ.แอนโทนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้ของสหรัฐว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ของสหรัฐฯนั้นอาจจะเกิน 1 แสนคนต่อวันในเร็วๆ นี้
โดยยาเรมเดซิเวียร์ดังกล่าวนั้น หลายประเทศให้ความสนใจและประกาศให้สามารถใช้ยาชนิดนี้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในปริมาณขั้นต่ำ 6 ขวดหรือประมาณ 5 วัน เพื่อจะรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ต่อ 1 คน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการส่งยาดังกล่าวไปใช้ในการทดลองการรักษาทั่วโลกเป็นจำนวนกว่า 140,000 โดสแล้ว
ขณะที่ บริษัท Gilead ได้ออกมาเปิดเผยราคายาตัวนี้เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ว่า ถ้าหากขายในสหรัฐฯจะอยู่ที่ขวดละ 520 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 16,069 บาท แต่ราคาขายในประเทศที่กำลังพัฒนาน่าจะอยู่ที่ 320 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12,000 บาท
ทั้งนี้ จำนวนยา 500,000 โดส ที่ทางทีมงานบริหารของนายทรัมป์ได้ตัดสินใจซื้อนั้นจะเท่ากับจำนวนการผลิตยาทั้งหมดของบริษัทในเดือน ก.ค. และจะเท่ากับจำนวนการผลิตในอัตราร้อยละ 90 ของบริษัทในช่วงเดือน ส.ค. และ ก.ย. หรือก็คือในช่วง 3 เดือนหลังจากนี้ ส่งผลทำให้สหรัฐฯ น่าจะเป็นประเทศเดียวที่สามารถเข้าถึงยาเรมเดซิเวียร์ได้
ยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) (อ้างอิงรูปภาพจาก https://www.forbes.com/)
ที่ประเทศเม็กซิโก มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 220,657 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 3,805 ราย เสียชีวิต 27,121 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 473 ราย
ทวีปอเมริกาใต้บราซิล มียอดผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ของทวีปและเป็นอันดับ 2 ของโลก จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 1,402,041 ราย ติดเชื้อใหม่ 31,553 ราย เสียชีวิต 59,594 ราย เสียชีวิตใหม่ 1,209 ราย ทำให้บราซิลมียอดผู้เสียชีวิตใหม่สูงที่สุดในโลก
ทวีปยุโรปประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 647,849 ราย ติดเชื้อใหม่ 6,693 ราย เสียชีวิต 9,320 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 154 ราย
ขณะที่ประเทศสโลเวเนีย นายอเลส ฮอจส์ (Ales Hojs) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกค้นบ้านและที่พักของเจ้าหน้าที่ข้าราชการจำนวนหลายแห่ง รวมไปถึงบ้านของนักการเมือง ที่อาจจะมีส่วนเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนในการจัดซื้อชุดป้องกันการติดเชื้อหรือชุดพีพีอี และหน้ากากป้องกันการติดเชื้อมูลค่าหลายล้านยูโร
นายอเลส ฮอจส์ (Ales Hojs) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประเทศสโลเวเนีย (อ้างอิงรูปภาพจากเดอะการ์เดียน)
ทวีปเอเชีย อินเดีย ยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 585,792 ราย ติดเชื้อใหม่ 18,256 ราย เสียชีวิต 17,410 ราย เสียชีวิตใหม่ 506 ราย
ส่วนที่ประเทศจีน มีการระบาดใหม่จำนวน 19 ราย โดยเป็นการระบาดในประเทศทั้งหมด และมีจำนวน 7 ราย อยู่ที่กรุงปักกิ่ง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าทางองค์การอนามัยโลกได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังประเทศจีนเพื่อตรวจสอบและหาต้นกำเนิดของไวรัสโควิด 19 แล้ว ซึ่งคาดว่าเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ที่ตลาดในเมืองอู่ฮั่นเพื่อตรวจหาต้นตอของไวรัส
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 138 ราย ในจำนวนนี้ 54 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ในกรุงโตเกียว
ขณะที่ทางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวได้ออกหลักเกณฑ์ใหม่จำนวน 7 ประการ ในการประเมินสถานการณ์เพื่อออกมาตรการต่างๆรวมถึงการตัดสินใจที่จะปิดภาคส่วนธุรกิจหรือไม่ ประกอบไปด้วย 1. จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ 2. ผู้ป่วยใหม่ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาของการติดเชื้อและอัตราการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อจากแหล่งดังกล่าว 3.ขีดความสามารถในการตรวจหาโรคโควิด 19 ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.จำนวนผู้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล 5.จำนวนการโทรศัพท์ไปหาทางการเพื่อปรึกษาเรื่องการเจ็บป่วย 6.จำนวนของผู้ป่วยที่ต้องขึ้นรถพยาบาลและใช้เวลานานกว่า 20 นาที ในการหาโรงพยาบาลเพื่อรับผู้ป่วย หรือจำนวนของผู้ป่วยที่ถูกปฏิเสธจากโรงพยาบาลมากกว่า 5 แห่งขั้นไปในการรับเข้ารักษา และ 7. จำนวนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว (อ้างอิงรูปภาพจากเจแปนไทม์)
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน นั้น อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ในภูมิภาค มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 56,385 ราย ติดเชื้อใหม่ 1,293 ราย เสียชีวิตสะสม 2,876 ราย เสียชีวิตใหม่ 71 ราย ทำให้อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้เสียชีวิตสะสม และผู้เสียชีวิตรายใหม่สูงที่สุดในอาเซียน
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทยนั้น ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 2 ราย
ทวีปแอฟริกาประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 151,209 ราย ติดเชื้อใหม่ 6,945 ราย เสียชีวิต 2,657 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 128 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวในภูมิภาคโอเชียเนีย ออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 69 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak,https://www.bbc.com/news/coronavirus
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage