ศบค.พบผู้ป่วยเพิ่ม 17 รายกลับจากคูเวต - กาตาร์ - ซาอุฯ 'นพ.ทวีศิลป์' ย้ำตรวจพบเชื้อในสถานกักตัวของรัฐ-ไม่เกี่ยวกับภายในประเทศ เตือนคนไทยอย่าลืมใส่แมสก์ เว้นระยะห่าง และล้างมือ หลังคนแห่เที่ยวหาดบางแสนช่วงวันหยุด แง้ม 12 กิจกรรมลุ้นคลายล็อกระยะต่อไป
วันที่ 4 มิ.ย. 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ว่ามีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 17 ราย อยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,101 ราย รวมรักษาหาย 2,968 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต เท่ากับมีผู้เสียชีวิตเท่าเดิม 58 ราย
โดยผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 17 ราย โฆษก ศบค. ระบุมาจาก 3 ประเทศ ได้เเก่ ประเทศคูเวต 13 ราย เเบ่งเป็นชายไทย 12 ราย อายุ 31-56 ปี เเละหญิงไทย 1 ราย อายุ 44 ปี ในจำนวนทั้งหมดนี้ 9 ราย กลับมาถึงประเทศไทยวันที่ 24 พ.ค. เเละ 4 ราย กลับมาวันที่ 26 พ.ค. เข้าพักในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ กทม.5 ราย เเละสมุทรปราการ 8 ราย ทุกรายครั้งแรกตรวจไม่พบเชื้อ ตรวจพบเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 2 มิ.ย. โดย 1 ราย มีอาการไอ หายใจขัด เเละที่เหลือไม่มีอาการ
ประเทศที่สอง คือ กาตาร์ 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 24 ปี เเละหญิงไทย อายุ 29 ปี กลับถึงประเทศไทยวันที่ 22 พ.ค. เเละเข้าพักในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ จ.สมุทรปราการ โดยผู้ป่วยหญิงเริ่มมีอาการไอ มีเสมหะ ปวดศีรษะ เเละทั้งสองรายตรวจพบเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 2 มิ.ย. เเละประเทศสุดท้าย คือ ซาอุดิอาระเบีย 2 ราย เป็นชายไทยอายุ 28 เเละ 29 ปี กลับถึงประเทศไทยผ่านด่านปาดังเบซาร์ เมื่อวันที่ 21 เเละ 25 พ.ค. เเละเข้าพักในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ จ.สงขลา ไม่มีอาการ ตรวจพบเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 1 มิ.ย.
ภาพรวมการตรวจพบเชื้อจากผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ พบว่า คูเวต มีคนกลับมา 174 ราย และพบผู้ป่วยยืนยัน รวม 43 ราย ซาอุดีอาระเบีย กลับมา 79 ราย พบผู้ป่วยยืนยัน 14 ราย และกาตาร์ กลับมา 216 ราย พบผู้ป่วยยืนยัน 11 ราย ทั้งนี้เมื่อดูสถานการณ์ในประเทศข้างต้น ยังพบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ย 1,000 – 2,000 รายต่อวัน จึงไม่แปลกใจที่ยังพบตัวเลขคนไทยติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากกลุ่มที่เดินทางกลับจากประเทศเหล่านี้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณีที่มีคนจำนวนมาก เดินทางไปท่องเที่ยวที่ชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ในช่วงวันหยุดเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ศบค.ได้มีการประชุมและติดตามสถานการณ์รายวันอย่างใกล้ชิด ซึ่งยืนยันว่าภาครัฐยังทำงานอย่างเต็มที่ แต่การที่จะทำให้ทุกคนปลอดเชื้อได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจาก 3 ส่วนหลักคือ ผู้ประกอบการ ประชาชน และภาครัฐ หากทุกคนยังช่วยกันดูแลตัวเอง ตนเชื่อว่าสถานการณ์ยังอยู่ในส่วนที่รับมือได้
“ผมย้ำอยู่เสมอว่า ขอให้ทุกคนทำ 3 เรื่องหลัก คือ อยู่ห่างไว้ ใส่แมสก์กัน หมั่นล้างมือ ส่วนที่เหลือ 2 เรื่อง ภาครัฐและผู้ประกอบการจะเป็นผู้รับผิดชอบ คือ ทำความสะอาดพื้นผิว และกระจายความแอดอัด ตรงนี้ถ้าช่วยกัน 5 เรื่อง เราจะห่างไกลโรคได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ส่วนการพิจารณาการผ่อนปรนในระยะต่อไป ศบค.อยู่ระหว่างการเชิญผู้ประกอบการจากภาคส่วนต่างๆมาให้ข้อมูล โดยขณะนี้มีการพิจารณาสถานประกอบการ 12 กิจกรรม ดังนี้
1.โรงเรียนและสถานศึกษา เพื่อจัดการเรียนการสอนและฝึกอบรม 2. การเพิ่มจำนวนคนในสถานที่ถ่ายทำรายการภาพยนตร์และวีดีทัศน์ 3. การจัดการแข่งขันหรือฝึกซ้อมในสนามกีฬา โรงยิม สถานที่ออกกำลังกาย 4.สถานรับเลี้ยงเด็กและผู้สูงวัยแบบรายวัน 5.อุทยานแห่งชาติ สวนรุกชาติ เฉพาะพื้นที่ที่ส่วนราชการกำหนดและสามารถปฏิบัติตามมาตรการผ่อนคลายได้
6.การจัดแสดงคอนเสิร์ต งานอีเวนท์ ศุนย์แสดงสินค้า โดยเพิ่มพื้นที่ให้มากกว่า 2 หมื่นตารางเมตร 7.ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา 8. ชายหาด ชายทะเล 9.ห้องประชุมที่มีการรวมกลุ่มคนมากกว่า 200 คน 10.สวนสนุก สวนน้ำ ร้านเกมส์ 11.สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และ 12.สถานบริการอาบอบนวด
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลก พบผู้ป่วยรายใหม่ รวม 82,919 ราย ทำให้ยอดสะสมอยู่ที่ 6,568,510 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตเพิ่ม 5,545 รายทำให้ตัวเลขสะสมอยู่ที่ 387,957 ราย สหรัฐอเมริกา บราซิล และรัสเซีย ยังเป็นประเทศที่พบผู้ป่วยสูงสุด 3 ลำดับแรก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/